http://www.facebook.com/hysteriaculture
http://hysteriaculture.wordpress.com/2013/11/04/lady-gaga-artpop-electropophousedance-poprbsynth-poprockedm-95-55/comment-page-1/#comment-361
Lady Gaga : ARTPOP : Electropop/House/Dance-Pop/R&B/Synth Pop/Rock/EDM (95% = 5/5)
จริงๆว่าจะรอเก็บข้อมูลอีกสักวันสองวันแล้วค่อยเขียนแต่ด้วยความที่ตอนนี้ไอเดียมันพุ่งพล่านเสียจนฉุดไม่อยู่ด้วยความที่มีอะไรอัดแน่นอยู่ในความรู้สึกหลายอย่างที่อยากจะระบายออกมาเป็นบทความวิจารณ์อัลบั้ม ARTPOP ของเลดี้กาก้าชุดนี้ซึ่งก็คงจะต้องเรียนท่านผู้อ่านอีกครั้งว่าอัลบั้มนี้เป็นหนึ่งในผลงานจากศิลปินพ็อพหญิงที่ดิฉันรอคอยและคาดหวังมากที่สุดของปีนี้ทีเดียวแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นเหตุผลที่ตอนแรกคิดจะเลื่อนงานเขียนชิ้นนี้ออกไปไม่ใช่อะไรหรอกค่ะมันเป็นเพราะว่า ตื่นเต้นจนเขียนไม่ออก! ด้วยความที่เนื้องานของอัลบั้มนี้ออกมาดีมากๆชนิดที่ดีแบบเหนือความคาดหมายจนส่วนตัวกล้าพูดนะคะว่านี่เป็นอัลบั้มชุดแรกและชุดเดียวเท่าที่ฟังมาในปี2013ที่ทำให้ดิฉันรู้สึกอบอุ่นข้างในไปด้วยความสุขพร้อมกับความรู้สึกยากจะบรรยายแบบเลือดสูบฉีดพล่านในขณะที่ฟังมันเหมือนกับว่าเคมีทางดนตรีที่เลดี้กาก้าส่งมาในอัลบั้มนี้มันขับขานกับปฏิกิริยาเคมีในตัวเราอย่างประหลาด - ตัวเราคนเขียนที่ไม่ได้ชอบอะไรในตัวตนของเลดี้กาก้ามากมายนักแถมเคยเป็นแอนตี้แฟนมาก่อนนี่แหละ!
ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสพูดคุยถึงหลายเรื่องของเลดี้กาก้าตลอดจนนิยามของคำว่าARTPOPกับน้องปู Jester Mizuno แอดมินเพจ Jesters Library ซึ่งเราก็แอบมีมุมมองตรงกันกับคำว่า ARTPOP ที่เลดี้กาก้าได้สื่อออกมานั้นคือการยกระดับงานดนตรีของตัวเองขึ้นสู่ทำเนียบของความเป็น งานศิลปะ ดีๆชิ้นหนึ่งที่โลกดนตรีและวัฒนธรรมกระแสหลักจะต้องหันมามองและจดจำเป็นดังท่อนหนึ่งในเนื้อเพลง Applause ที่เธอได้พูดถึงจิตวิญญาณของวัฒนธรรมกระแสหลักเคยแฝงตัวอยู่ในผลงานศิลปะและวันนี้เธอคนนี้จะเป็นผู้ที่ระบายนิยามใหม่นี้ออกมาให้เป็นที่ประจักษ์ไปทั่วโลกเองซึ่งดนตรีพ็อพของเลดี้กาก้าในอัลบั้มนี้ถ้าเปรียบเป็นภาษาดนตรีร็อคก็คงเป็นผลงานที่เหนือระดับโพรเกรสซีฟไปแล้วเช่นเดียวกับที่ตัวเธอได้เปรียบเปรยตัวเองว่าเป็นถึงระดับศิลปะเลอค่าชิ้นหนึ่งอย่างแยบยลในเพลงApplauseนั่นแหละ
ARTPOP สำหรับดิฉันเป็นงานศิลปะที่หลอมรวมขึ้นจากจิตวิญญาณจากภาคดนตรีที่เป็นแรงบันดาลใจ แฟชั่น ผลงานศิลป์ สัญลักษณ์ จินตนาการตลอดจนความร่วมสมัยจากทั้งทางดนตรี ภาคเนื้อหาที่มีตั้งแต่สื่อในสิ่งที่เป็นธรรมดาโลกหลุดไปถึงสวยงามประหนึ่งบทกวีรวมถึงการบูรณาการเอาหลากหลายมิติของสิ่งที่โลดแล่นในPop Cultureเข้ามาผสานปรุงแต่งก่อให้เกิดเป็นงานศิลป์ที่รังสรรค์ขึ้นจากเสียงดนตรีและมีตัวตนจับต้องได้จริงๆทั้งในมโนภาพรวมไปถึงเมื่อคุณลืมตามามองหน้าศิลปินหญิงเจ้าของผลงานผู้สถาปนาตัวเองเป็นผู้ยกระดับดนตรีพ็อพไว้ตั้งแต่ตอนเปิดตัวนั่นแล - Pop Music Never Be A Low Blow - ก็นับว่าส่วนตัวแอบสะพรึงในตัวนางไม่น้อยเพราะถ้าไม่บังเอิญหรือมโนไปเองก็คงต้องจัดให้เลดี้กาก้าเป็นศิลปินที่ทั้งวางแผนและต่อยอดผลงานของตัวเองได้ไหลลื่นต่อเนื่องมาตั้งแต่วินาทีแรก นับว่ารูปปั้นของมารดาอสูรที่นั่งแผ่หราอยู่บนหน้าปกอัลบั้มบางทีก็อาจจะไม่ใช่เรื่องที่ไม่มีที่มาที่ไป แต่บางทีดิฉันอาจจะตีความผิดไม่ก็เพ้อเจ้อเมาดนตรีกาก้าไปเองก็ได้นะเจ้าคะแต่ก็นะยึดตามที่เธอร้องไว้ในไทเทิ่ลแทร็คว่า My ARTPOP Could Mean Anything ถ้าจินตนาการคนเรามันออกมาเป็นงานศิลป์รูปเดียวกันได้ทั้งโลกก็แย่แล้วล่ะ
ในส่วนของภาคดนตรีเท่าที่ได้คุยกับน้องปู Jester Mizuno ส่วนตัวเราเห็นตรงกันว่าเธอคนนี้ชัดเจนว่าเป็นคอเพลงยุค80sชนิดถวายชีวิตเพราะย้อนไปตั้งแต่สมัยเปิดตัวกับอัลบั้ม The Fame ผลงานของเธอก็ส่งกลิ่นอายของอิทธิพลทั้งจากมาดอนน่า,พริ๊นซ์และเดวิด โบวี่ชนิดตลบอบอวนซึ่งน้องปูนิยามอัลบั้มชุดนี้ว่าเป็น อัลบั้มดิสโก้ยุค80s ชั้นดีในขณะที่ดิฉันเท่าที่ฟังมาทุกงานแล้วรู้สึกว่า ARTPOP เกิดขึ้นตั้งแต่ยุคนี้แหละกับการผสมผสานซาวนด์ดนตรีตั้งแต่อาร์แอนด์บี นิวเวฟ อิเล็คโทรนิค ฮิพฮอพ ฟั้งค์ร็อคและเต้นรำเข้ากับอิทธิพลของความเป็นเรโทรแบบพ็อพ80sทั้งดิสโก้และซินธิ์พ็อพคุมทิศทางตลอดจนสีสันและบรรยากาศแวดล้อมในตัวเพลงที่เหมือนกับศิลปะPop Artย่อมๆ มาที่ The Fame Monster อันนี้ขยับเข้าเล่นกับความร่วมสมัยและเปิดรับดนตรีที่หลากหลายขึ้นจวบจนงานมาสเตอร์พีซของเธอในสตูดิโออัลบั้มชุดก่อนหน้าอย่าง Born This Way ที่ผสานเอาอิเล็คโทรนิค พ็อพ ร็อค เออร์บันเข้ากับอิทธิพลของงานเรโทรย้อนยุคแบบ80sที่สามารถระเบิดศักยภาพทางดนตรีของเธอคนนี้ชนิดก้าวกระโดดได้อย่างสง่างาม
.มาที่อัลบั้ม ARTPOP จากที่ตอนแรกคาดการณ์ไว้ว่าอาจจะเป็นภาคสองของ The Fame แต่พอฟังจบแล้วคงต้องลบความคิดนั้นทิ้งเสียด้วยความที่มิติของเนื้องานและชั้นเชิงของภาคดนตรีนี่แทบจะเรียกได้ว่าคนละระดับกันเลยทีเดียวสิ่งเดียวที่คล้ายกันก็คงจะเป็นเรื่องอิทธิพลของความเป็นเรโทรจากวัฒนธรรมดนตรียุค80sทั้งรสของความเป็นซินธิ์พ็อพ อิเล็คโทรนิคจวบจนกลิ่นอายแบบเออร์บันทั้งอาร์แอนด์บีและฮิพฮอพที่รับเอาจิตวิญญาณของยุคนั้นเข้ามาเต็มๆตบตามด้วยความร่วมสมัยจากความเป็น EDM หรือ Electronic Dance Music โดยมีดนตรีเต้นรำอย่าง เฮ้าส์ อันเป็นตัวแทนที่ถ่ายทอดในส่วนของแฟชั่นรับบทเด่นจึงไม่แปลกใจที่หลายๆเพลงในอัลบั้มนี้จะเปรียบประหนึ่งหลุดออกมาจากรันเวย์แฟชั่นยันมึนตึ๊บลอยออกไปอวกาศ เรียกได้ว่าปลุกวิญญาณงานพ็อพ80sแล้วปรุงแต่งยกระดับสู่ความร่วมสมัยของทศวรรษใหม่จวบจนแต่งแต้มความหลากหลายก่อนจะกลั่นกรองให้เป็นงานศิลป์จากเสียงดนตรีของวัฒนธรรมใหม่ที่ถึงกึ๋นดีไม่น้อย
หนึ่งในสิ่งที่ทำให้ชอบในตัวเลดี้กาก้าแบบจริงจังคือเธอเป็นศิลปินที่ทำอัลบั้มจริงๆมากกว่าจะแค่ขายเป็นซิงเกิ้ลๆไป หลายเพลงที่ปล่อยมาเป็นซิงเกิ้ลก่อนหน้านี้พอถูกจับมารวมในอัลบั้มนี้แล้วมันดูทรงพลังขึ้นมากชนิดที่ต้องบวกคะแนนเพิ่มแทบจะทุกเพลงไม่ต้องอะไรมากเริ่มต้นที่ Aura (4/5) เพลงเปิดอัลบั้มที่หลุดมาให้ฟังเป็นเพลงแรกตอนที่ฟังครั้งแรกนี่คือก็ชอบนะแต่บอกตามตรงว่ารู้สึกว่ามันเป็นงาน EDM สูตรสำเร็จแบบเลดี้กาก้าที่ต่อยอดมาจากพวก Americano,Judas,Bad RomanceและGovernment Hookerก่อนจะจับมาผสมกันในเพลงนี้ เปิดตัวมาด้วยบีทกีต้าร์อคูสติคสวยๆแบบงานโซนละทินจำพวกฟลาเมงโก้ก่อนจะเข้าสู่งานอิเล็คโทรพ็อพเต้นรำสไตล์เลดี้กาก้าพวกคลับแบงเกอร์ติดยูโรบีท เทคโนและลูกเล่นจำพวกดาร์คอัลเทอเนทีฟที่ตีความเป็นเออร์บันเข้ากับซาวนด์โรโบติคมุขที่เธอเล่นมาตั้งแต่ Poker Face ละจะว่าซ้ำซากก็ไม่ถึงขนาดนั้นเพียงแต่ไม่มีอะไรใหม่ แต่พอฟังทั้งอัลบั้มจบรอบแรกแล้ววนมาเพลงนี้อีกทีถึงกับช็อคเชียวค่ะจนต้องกลับไปบวกคะแนนเพิ่มใหม่นับว่าแยบยลมากที่เปิดตัวด้วยเพลงที่เป็นกาก้าแท้ๆเพื่อชิมลางก่อนอีกหลายแทร็คที่เหลือหลังจากนี้แทบจะเป็นงานปล่อยของและอะไรที่สดใหม่ทรงพลังเกินค่อนARTPOP เอ่อ ชอบท่อนดั๊บสเต็ปช่วงปิดนะคะ
Venus (5/5) นี่เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่ส่วนตัวภูมิใจที่สุดของอัลบั้มนี้ทีเดียวนะคะตั้งแต่มิติของซินธิ์พ็อพแบบ80sอร้าอร่ามงามระยับเจือเข้ากับยูโรบีทชนิดตะลุยอวกาศออกไปโลกดาวพระศุกร์สมชื่อเพลงส่วนตัวชอบกลิ่นของความเป็นเรโทรแบบงานอิเล็คโทรนิคยุค80sแท้ๆแบบเย็นชืดไร้ชีวิตจิตใจเพลงนี้แต่กลับทรงพลังเข้มข้นแถมยังล้ำสมัยอย่างบอกไม่ถูก อย่างที่เขาว่าแหละว่าเรโทรสิหอมหวนเสมอ แต่เนื้อเพลงเธอนี่ช่าง นะคะ แลนดิ้งลงสถานีกระสวยอวกาศกับแทร็คถัดไปอย่าง G.U.Y. (4.5/5) ที่ขอบอกตามตรงนะคะว่าดนตรีเพลงนี้ทำให้อดนึกถึงวงอิเล็คโทรนิคจากเกาะอังกฤษอย่างเลดี้ทรอนไม่ได้อันนี้ไม่ได้บอกว่ากาก้าไปก็อปพวกนางมานะคะ! เพียงแต่ด้วยความที่ภาคดนตรีมาสายเดียวกันกับงานอิเล็คโทรนิคที่รับอิทธิพลจากวัฒนธรรม80sมาเต็มคราบทั้งในส่วนของซินธิ์ เทคโนจวบจนนิวเวฟแถมยังมาแนวหลุดวงโคจรระบบสุริยะใกล้ๆกันอีกเลยอดที่จะนึกถึงวงนี้ที่คร่ำหวอดกับดนตรีแนวนี้มาก่อนแต่ในส่วนของเลดี้กาก้าจะต่างออกไปที่การร้องที่โอเคกว่าตรงความเข้มข้นและเป็นธรรมชาติไม่ได้เย็นยะเยือกเป็นระนาบเดียวจนขนหัวลุกแถมเพลงนี้ยังติดกลิ่นของบีทและสรรพสำเนียงการร้องเท่ห์ๆแบบอาร์แอนด์บีเสริมทัพเข้ามาอีก เก๋ไก๋ดีไม่หยอก Sexxx Dreams (4.5/5) อินโทรเพลงมาดันเห็นหน้าเจ๊ไคย์ลี่ย์ มิโน้กในเพลง Aphrodite ลอยมาเฉยแต่พอเข้าเพลงจริงๆแล้วกลับนึกถึงมาดอนน่าในยุค Justify My Love Erotica ชนกับความเป็นฟัลเซ็ทโทเปรี้ยวๆแบบเจเน็ท แจ็คสันนั่นล่ะใช่เลยจะว่าไปการเรียบเรียงดนตรีโอเคอยู่นะเป็นงานเชิงเอ็กซ์เพอริเมนทัลที่มีตั้งแต่อาร์ทร็อคเบาๆ อิเล็คโทรนิคและกลิ่นอายแบบงานจำพวกโอลด์สคูลพ็อพอาร์แอนด์บีติดกลิ่นฟั้งค์พร้อมมิติของซินธิ์แบบ80sที่ยังคงลอยตามมาหลอกหลอนไม่เลิกรา อีกเพลงที่ชอบสุดๆเห็นจะหนีไม่พ้น Jewel N Drugs Ft.T.I.,Too $hort&Twista (5/5) งานจำพวก Trap อันเป็นงานเออร์บันจำพวกคลับฮิพฮอพดิบๆที่จับเอาท่วงทำนองของฮิพฮอพ80sมาชนกับอิเล็คโทรนิค ดั๊บ อาร์แอนด์บีและพวกแก๊งคสทาแร็พได้มันส์หยดจะจัดให้เป็นงานจำพวกฮิพฮอพอันเดอกราวนด์ไม่ก็อัลเทอเนทีฟฮิพฮอพก็คงได้ ขอสารภาพว่าชีวิตนี้ไม่คิดว่าจะได้ยินงานเก๋ๆระดับนี้จากเลดี้กาก้าตัวเพลงอาจจะดูล้นๆบ้าพลังฟังยากไปนิดแต่เจ๋งจริงจนอยากกราบนับว่ากล้าตายมากๆที่ทำเพลงแนวๆนี้ออกมา
สลับมาฟังงานร็อค80sเท่ห์ๆกันใน MANiCURE (4/5) เป็นแทร็คที่ไม่ได้อาศัยลูกเล่นอะไรรกรุงรังมากมายแต่แค่ริฟฟ์กีต้าร์กับสำเนียงการร้องเท่ห์ๆแค่นี้กาก้าก็เอาอยู่ทั้งเพลง ในขณะที่ Do What U Want ที่ร่วมงานกับ R.Kelly ก็เป็นงานคอนเทมโพรารี่ย์อาร์แอนด์บีลูกผสมระหว่างงานอิเล็คโทรนิคยุค80sกับสตรีทอาร์แอนด์บีแบบ90sได้ลงตัว เสียดายที่อิทธิพลของนางคริสทิน่า อากิเลร่าและแม่มารายห์ แครี่ย์แผดรัศมีกลบเพลงนี้ซะตลบอบอวนแต่เอาเถอะชอบ เริ่มเดินหน้าเข้าสู่โซนแฟชั่นกันตั้งแต่ ARTPOP (4.5/5) ไทเทิ่ลแทร็คที่เป็นงานอิเล็คโทรพ็อพโพรแกรมมิ่งซินธิ์เย็นยะเยือกแบบงานอิเล็คโทรนิคยุค80s ในส่วนของภาคเนื้อหานับว่าบ่งบอกภาพรวมของตัวอัลบั้มได้ชัดเจนฟังแล้วแอบนึกถึงมาดอนน่าในช่วงยุค Ray Of Light Music มาสายเอ็กซ์เพอริเมนทัลพอกัน อีกหนึ่งเพลงที่โดดเด่นที่สุดของอัลบั้มคงต้องยกให้ Swine (5/5) อย่างปฏิเสธไม่ได้ ฟังครั้งแรกแล้วถึงกับตบอกผางด้วยความที่หล่อนช่างแน่และกล๊ากล้าสมชื่อไม่เบางวดนี้ล่อกระโดดขึ้นไปเล่นกับงานจำพวก Complextro ที่เป็นดนตรีจำพวกอิเล็คโทรเฮ้าส์ประสานซินธิ์อนาล็อคแบบ80sดนตรีนี่กลิ่นอายรันเวย์แฟชั่นจัดจ้านมาก เชื่อว่าบรรดาพวกดีไซน์เนอร์เกย์ได้ฟังแล้วคงกรี๊ดกร๊าดรีบตบตีแย่งชิงมาประกอบเวทีแฟชั่นโชว์ของตัวเองชนิดเป็นพัลวัน สำหรับไฮไลท์ของอัลบั้มส่วนตัวขอยกให้สองเพลงนี้ Donatella (5/5) เป็นงานอิเล็คโทรฮาร์ดเฮ้าส์ตามวัฒนธรรมดนตรีแบบดีเจคัลเจอร์ยุค90sแบบที่เดวิด เกตต้าชอบทำสมัยยุครุ่งเรืองนับว่ายีนส์ของกาก้าในการทำเพลงเต้นรำกลิ่นอายแฟชั่นจ๋าอุทิศให้แก่วัฒนธรรมรันเวย์และดีไซน์เนอร์ผู้เป็นแรงบันดาลใจของนางนั้นแรงมาก อีกเพลงกับ Fashion! (4.5/5) ที่เห็นว่าใช้โปรดิวซ์เซอร์ถึง4คนช่วยระดมสมองในเพลงนี้เพลงเดียวขึ้นต้นมาออกแนวกรู๊ฟก่อนจะสลับไปเป็นงานซินธิ์พ็อพอิเล็คโทรนิค80sที่ชวนให้นึกถึง Jesus + Amen Fashion จากอัลบั้มชุดที่แล้วขึ้นมาตะหงิดๆก่อนจะตบความเป็นโพรเกรสซีฟเฮ้าส์บีทตึ๊บๆในช่วงท้าย นับเป็นสองแทร็คที่กาก้าทำออกมาคารวะแรงบันดาลใจทางแฟชั่นได้น่าสนใจทีเดียว Mary Jane Holland (4/5) เป็นอิเล็คโทรนิคที่บีทโหดมากเพลงนี้ เหอๆๆ คือรายละเอียดไม่ได้ยุ่บยั่บเท่าเพลงอื่นนะคะแต่ตีบีทได้หนักจนมึนหัวตึ๊บแรกๆฟังแล้วรู้สึกแปลกๆแต่นานไปกลับชอบความเกรี้ยวกราดและอารมณ์ที่รุนแรงในตัวเพลงที่กาก้าระเบิดออกมา ส่วนตัวรู้สึกว่าแปลกที่การเดินเรื่องเหมือนจะเป็นงานมิดเทมโพพ็อพอาร์แอนด์บีถ้าตัดสินจากจังหวะและลักษณะการร้องเพียงแต่บีทนางล่อซะล้นท่วมอ่วมอรทัยไปเลยตอนเบรคชอบที่แทรกความเป็นร็อคเชิงมิวสิคคัลเข้ามาทำให้ตัวเพลงเป็นงานเชิงทดลองที่ดูมีมิติมากกว่าจะเน้นแต่ความหนักก่อนจะปิดท้ายด้วยเครื่องสายได้อย่างแผ่วเบาประหนึ่งลมพัดวูบ ต่อด้วย Dope (4/5) งานมิวสิคคัลเพียโนบัลลาดแกลมด้วยบีทอิเล็คโทรนิคเป็นเครื่องเคียงนับว่าเป็นเพลงช้าที่โชว์พลังเสียงและเทคนิคการร้องที่เหนือชั้นของเลดี้กาก้าได้ดี เรียบง่ายแต่ทรงพลัง Gypsy (4/5) นี่เหมือนเป็นภาคต่อของ The Edge Of Glory อารมณ์สว่างไสวและมีเมโลดี้สวยติดหูประมาณนั้นเลยเพียงแต่อัพบีทให้แน่นกระฉึกกระฉักมากกว่ารวมถึงหยอดกลิ่นของความเป็นร็อคเข้ามามากกว่า ปิดอัลบั้มด้วย Applause (2/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวที่เป็นงานซินธิ์พ็อพแบบ80sสไตล์เดวิด โบวี่ที่ส่วนตัวไม่ได้ชอบมากขึ้นเสียเท่าไรแต่ก็พอเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเลือกตัดเป็นซิงเกิ้ลแรกเนื่องจากเป็นแทร็คที่สะท้อนความเป็น ARTPOP ได้ชัดเจนเช่นเดียวกับที้สะท้อนสภาวะของความเป็นเลดี้กาก้าในปัจจุบันขณะได้ครบถ้วนที่สำคัญที่สุดคงในแง่ของความเป็นเพลงที่พ็อพที่สุดในอัลบั้มเพราะว่าเพลงอื่นๆที่เหลือแม้จะเก๋แต่ฟังยากพอดู
เชื่อว่าอัลบั้มนี้คงจะแบ่งผู้ฟังออกเป็นสองฝั่งสองฝ่ายเช่นเดียวกับ Born This Way คือสำหรับผู้ฟังที่มีชั้นเชิงทางดนตรีหน่อยฟังแล้วคงจะปลาบปลื้มยันอวยกันยกใหญ่ในขณะที่อีกฝั่งที่คุ้นชินกับงานพ็อพที่เมนทสตรีมและฟังสบายๆแบบไม่ต้องปีนกะไดคงบ่นปวดหัวจนพาลไม่ชอบ แต่สำหรับดิฉันอย่างที่บอกว่าเป็นงานแรกและงานเดียวในปี2013นี้จริงๆที่ระหว่างฟังแล้วรู้สึกเปี่ยมสุขมากๆอีกทั้งในเรื่องของศักยภาพและวิสัยทัศน์ที่เลดี้กาก้าระเบิดออกมาในอัลบั้มนี้แค่นี้ก็คงเพียงพอแล้วสำหรับเหตุผลที่ ARTPOP ชุดนี้จะเป็นอัลบั้มที่ได้5คะแนนสำหรับดิฉัน ด้วยความที่อัลบั้มนี้ไปกับดิฉันได้ทุกที่จริงๆ ท้ายที่สุดนี้ไม่ได้เสี้ยมเพราะส่วนตัวดิฉันเป็นลูกสาวของมาดอนน่ากับคริสทิน่าอย่างเหนียวแน่นแต่จากอัลบั้มนี้แล้วคงต้องอดยอมรับไม่ได้ว่าต่อไปในอนาคตเลดี้กาก้าอาจจะมีแววที่ทำงานดนตรีได้เทียบชั้นงานมาสเตอร์พีซที่สองท่านนี้ทำได้ ดิฉันจำได้ว่าเมื่อเกือบสิบปีที่แล้วในเว็บบอร์ด FF Mag เคยมีกระทู้ทำนายความตายของมาดอนน่าที่ว่า มาดอนน่าจะโดนศิลปินหญิงผมบลอนด์ฆ่า เผลอๆคำทำนายอาจจะเป็นจริงก็วันนี้แหละกระมังเพราะว่า ARTPOP ของกาก้าชุดนี้เรียกได้ว่าทำออกมาลูบคมราชินีโดยแท้ว่า อย่าคิดว่าป้าทำเป็นอยู่คนเดียว! เรียกได้ว่าถ้าอีเจ๊แม่ได้ลองมาฟังก็คงมีหน้าชาพร้อมกับต้องรีบขุดพิษสงมาต้านนางผมบลอนด์คนนี้ในอัลบั้มถัดไป ส่วนคริสทิน่า อากิเลร่าก็ระวังให้ดีว่าสักวันนางเลดี้กาก้าคนนี้อาจจะถล่มงานแสนดีของเธออย่าง Stripped กับ Back To Basics เสียราบคาบ โชคดีที่วันนี้ยัง!













