LOST เริ่ดมากกกกก

Friends อันนี้เปนตำนานไปแล้วนะ ห้ามพลาดจิงๆ

และก้อ the mentalist ก้อเริ่ดนะ แนะนำ


_________________

ราชินีซอนต็อก กล่าวถึงเรื่องราวขององค์หญิงต๊อกมานที่ถูกทอดทิ้ง ระหกระเหินออกจากวังหลวงด้วยเหตุอันมาจากคำพยากรณ์ที่เป็นอัปมงคล ต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส เผชิญกับการฝ่าฟันแย่งชิงอำนาจในวังหลวงจนกลายเป็น ปฐมราชินี แห่ง อาณาจักรซิลลา ราชินีซอนต็อก

โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึง มีซิล ครองอำนาจล้นฟ้าในวังหลวง พระเจ้าจินพยองและมเหสีมายาให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝด สำหรับพระเจ้าจินพยองแล้ว การให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝดกับเป็นสิ่งอัปมงคล ด้วยยึดคิดคำพยากรณ์ที่ว่า ให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝด สิ้นชายครองบัลลังก์ พระเจ้าจินพยองทรงไม่มีทางเลือกจึงจำต้องส่งคนพาต็อกมาน พระธิดาแฝดองค์รองไป จากวังหลวง แต่มิซิลกลับส่งคนไปลอบสังหาร

ในช่วงที่มีซิลมีอำนาจล้นฟ้า องค์หญิงชอน-มยอง พระธิดาฝาแฝดองค์โต ซึ่งมีไหวพริบสติปัญญาเฉลียวฉลาดเหนือคนธรรมดาก็ตัดสินใจ เก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้มีซิลรู้ แต่ในทุกครั้งที่ประสบวิกฤต ความสามารถและภาวะผู้นำขององค์หญิงชอน-มยองก็ปรากฏออกมาจนสามารถฝ่าฟัน วิกฤติ ไปได้ทั้งที่องค์หญิงชอน-มยองและคิมยองซูแต่งงานกันจนมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า คิมชุนชูก็ตาม แต่ดวงใจขององค์หญิงชอน-มยองกลับปฏิพัทธ์ต่อคิมยูซิน ซึ่งเคยช่วยชีวิตนางมาก่อน

คิมยูซินแม่ทัพแคว้นซิลลามีวรยุทธลึกล้ำ หลังจากที่ช่วยชีวิตองค์หญิงชอน-มยองให้รอดพ้นจาการปองร้ายของมีซิลแล้วก็ ได้รู้จักกับต๊อกมาน ในช่วงเวลาที่คิมยูซินให้ความช่วยเหลือองค์หญิงต๊อกมาน สานความฝันที่จะรวบรวมสามาแคว้นเป็นหนึ่งเดียวกันให้กลายเป็นจริงขึ้นมานั่น เอง

คิมยูซินตกหลุมรักองค์หญิงต๊อกมาน กลายเป็นคนที่อยู่เคียงข้างสนับสนุนองค์หญิงต๊อกมานด้วยความภักดี จากความช่วยเหลือของคิมยูซิน ในที่สุดองค์หญิงต๊อกมานก็สามารถโค่นอำนาจของมีซิลลงได้กลายเป็นปฐมราชินี แห่งแคว้นซิลลา


_________________

พระนางแมรียา พิมพ์ว่า:

ราชินีซอนต็อก กล่าวถึงเรื่องราวขององค์หญิงต๊อกมานที่ถูกทอดทิ้ง ระหกระเหินออกจากวังหลวงด้วยเหตุอันมาจากคำพยากรณ์ที่เป็นอัปมงคล ต้องทุกข์ทรมานแสนสาหัส เผชิญกับการฝ่าฟันแย่งชิงอำนาจในวังหลวงจนกลายเป็น ปฐมราชินี แห่ง อาณาจักรซิลลา ราชินีซอนต็อก

โดยเนื้อเรื่องกล่าวถึง มีซิล ครองอำนาจล้นฟ้าในวังหลวง พระเจ้าจินพยองและมเหสีมายาให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝด สำหรับพระเจ้าจินพยองแล้ว การให้กำเนิดพระธิดาฝาแฝดกับเป็นสิ่งอัปมงคล ด้วยยึดคิดคำพยากรณ์ที่ว่า ให้กำเนิดลูกสาวฝาแฝด สิ้นชายครองบัลลังก์ พระเจ้าจินพยองทรงไม่มีทางเลือกจึงจำต้องส่งคนพาต็อกมาน พระธิดาแฝดองค์รองไป จากวังหลวง แต่มิซิลกลับส่งคนไปลอบสังหาร

ในช่วงที่มีซิลมีอำนาจล้นฟ้า องค์หญิงชอน-มยอง พระธิดาฝาแฝดองค์โต ซึ่งมีไหวพริบสติปัญญาเฉลียวฉลาดเหนือคนธรรมดาก็ตัดสินใจ เก็บซ่อนอารมณ์ความรู้สึกเอาไว้ไม่ให้มีซิลรู้ แต่ในทุกครั้งที่ประสบวิกฤต ความสามารถและภาวะผู้นำขององค์หญิงชอน-มยองก็ปรากฏออกมาจนสามารถฝ่าฟัน วิกฤติ ไปได้ทั้งที่องค์หญิงชอน-มยองและคิมยองซูแต่งงานกันจนมีลูกชายด้วยกันหนึ่งคนชื่อว่า คิมชุนชูก็ตาม แต่ดวงใจขององค์หญิงชอน-มยองกลับปฏิพัทธ์ต่อคิมยูซิน ซึ่งเคยช่วยชีวิตนางมาก่อน

คิมยูซินแม่ทัพแคว้นซิลลามีวรยุทธลึกล้ำ หลังจากที่ช่วยชีวิตองค์หญิงชอน-มยองให้รอดพ้นจาการปองร้ายของมีซิลแล้วก็ ได้รู้จักกับต๊อกมาน ในช่วงเวลาที่คิมยูซินให้ความช่วยเหลือองค์หญิงต๊อกมาน สานความฝันที่จะรวบรวมสามาแคว้นเป็นหนึ่งเดียวกันให้กลายเป็นจริงขึ้นมานั่น เอง

คิมยูซินตกหลุมรักองค์หญิงต๊อกมาน กลายเป็นคนที่อยู่เคียงข้างสนับสนุนองค์หญิงต๊อกมานด้วยความภักดี จากความช่วยเหลือของคิมยูซิน ในที่สุดองค์หญิงต๊อกมานก็สามารถโค่นอำนาจของมีซิลลงได้กลายเป็นปฐมราชินี แห่งแคว้นซิลลา

ในเรื่องพระนางมีซิลเป็นผู้หญิงทีน่าหวาดกลัวมากกกกกกก สายตาแบบดูมีอำนาจมาก


_________________
สโมสรฟุตบอล ที่ปลอดพวกหน้าปรุ

แดงจังกึม จอมนางแห่งวังหลวง





ซอจังกึมคือหญิงสาวที่ไร้พ่อขาดแม่มาตั้งแต่เด็ก เธอสูญเสียพ่อและแม่ไปเมื่อยังเล็ก ครั้นเมื่อแม่ของเธอเคยเป็นนางในที่หวังหลวงมาก่อน และฝากฝังให้ลูกของเธอเป็นซังกุงสูงสุดให้ได้ อีกทั้งก่อนตายยังบอกอีกว่าเธอได้ซ่อนจดหมายที่บันทึกความช้ำใจ ความเจ็บปวดลงในกระดาษแผ่นนั้นอีกด้วย!!!!!

---> ด้านบทภาพยนตร์ เรื่องนี้เป็นซีรีย์เกาหลีเรื่องแรกที่ผมดูเลยครับ เรียกได้ว่าติดกันทั้งครอบครัวเลยตั้งแต่ผม พ่อ แม่ พี่ผมอีก 2 คนติดกันหนึบเลยยย พอลองดู ๆ แล้วมันคือโอชินภาคเกาหลีนี่เอง เพียงแต่อุปสรรคมันยังไม่มากเท่าโอชิน เมื่ออุปสรรคไม่มากเท่าโอชินก็ได้อย่าได้แคร์ เพราะบทภาพยนตร์ได้เพิ่มบทที่เข้มข้มของนักแสดงเข้าไป ซีรีย์เรื่องนี้ได้หยิบเอาประเด็นใหญ่ ๆ ที่เกี่ยวของกับหญิงสาวที่ชื่อซอจังกึมคือเรื่องแรกจะเป็นเรื่องอาหาร หลังจากนั้นก็จะเป็นการดำเนินเรื่องจริงที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์เกาหลีคือเรื่องหมอหญิงจังกึม ใช่แล้วครับ เค้าโครงเรื่องนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากประวัติศาสตร์ของเกาหลี แต่แค่เรื่องหมอหญิงเท่านั้นนะครับ ซึ่งที่จะพบเห็นได้ชัดที่อิงมาจากประวัติศาสตร์เกาหลีคือการที่หมอผู้หญิงได้เป็นขุนนางขั้นที่ 3 !!!!!!!!!!!!!!! ซึ่งเป็นขุนนางขั้นที่สูงมาก ๆ ถึงมากที่สุดเลยครับ มันเป็นเรื่องราวที่สะเทือนวงการแพทย์แผนไทยเกาหลีมาก เพราะว่าผู้หญิงจะไม่สามารถเป็นขุนนางไม่ได้ซักขั้นเลย แล้วหมอหญิงจะถือว่าเป็นชนชั้นที่มาจากไพร่/ทาสหลวง หรือคนชนชั้นธรรมดาจึงไม่มีการยอมรับมากในการเป็นขุนนาง กลับมาเนื้อหาในเรื่อง ครึ่งแรกในการเป็นนางในของจังกึมนั้นก็ถือว่าเข้มข้นอยู่ไม่น้อยเลยนะครับ เอาตำราอาหารมาเชือดเฉือนกันได้อย่างสนุก ผมไม่เคยดูหนัง/ซีรีย์อันไหนเลยที่แค่เอาอาหารมาสู้กันก็ทำใให้ตื่นเต้นได้ ซึ่งตัวซีรีย์ได้หยิบเอาจุดมุ่งหมายของตัวละครทุกตัวที่ทำให้ต้องเกิดการแก่งแย่งชิงดีกันก็คือการทำทุกวิถีทางให้ได้เป็น "ซังกุงสูงสุด" นั้นเอง ซังกุงสูงสุดเป็นตำแหน่งที่นางในทุกใฝ่ฝันที่จะได้รับมาก เช่นเดียวกับจังกึมที่จากคำสั่งเสียของแม่เธอทิ้งไว้คือการเป็นซังกุงสูงสุด เมื่อเนื้อเรื่องดำเนินมาจวบจนครึ่งหลัง คราวนี้ล่ะครับหากคุณพลาดแม้แต่ตอนใดตอนหนึ่งคุณต้องเสียใจแน่นอน เพราะมันเป็นครึ่งแห่งการเข้มข้นสุดฤทธิ์ เป็นครึ่งหลังที่ทวีคูณความสนุก ความเข้มข้นจากครึ่งแรกเพิ่มไปอีก เพราะหลังจากที่จังกึมถูกเนรเทศและถูกปลดจากการเป็นนางในเป็นทาสหลวงแล้วต้องกลับไปแก้แค้นพวกตัวโกง โดยการเป็นหมอหญิง ซึ่งหมอหญิงที่มาจากชนชั้นไพร่เป็นชนชั้นที่ต่ำต้อยมาก ต่ำต้อยกว่านางกำนัลอีกนะครับ (นางกำนัลคือหญิงที่อยู่ในช่วงฝึกเพื่อที่จะได้รับคัดเลือกให้เป็นนางในที่วังหลวง) มันเป็นช่วงครึ่งหลังที่มีทั้งการเชือดเฉือนทางการแพทย์ ทางปัญญา แล้วมันตื่นเต้นมากเลยครับ มักจะมีเรื่องให้นางเอกได้แก้ไขตลอด และอย่างที่ได้อิงหลักประวัติศาสตร์คือการได้เป็นขุนนางขั้น 3 ช่วงเวลานั้นพวกขุนนางฝ่ายชายขัดแย้งกันใหญ่เลยครับ เพราะมันเป็นอะไรที่สูงงงงงงงงงงงงส่งมากเลย จากคนชนชั้นไพร่มาสู่หมอหญิงที่สูงส่งด้วยขุนนางขั้นที่ 3 อีกทั้งต่อมาเธอก็ได้รับพระราชทานคำนำนาว่า "แด" ซึ่งแปลว่าความยิ่งใหญ่, ความมีอำนาจ (น่าจะคล้าย ๆ กับพวกคำว่า "ท่านมหา ของไทยล่ะมั้ง) หลายคนอาจจะคิดว่ามีแต่เรื่องเครียด ๆ นะครับ ซึ่งมันก็จริง 55555+ แต่ซีรีย์ก็ยังสอดแทรกความรักระหว่างไต้ท้าวมินจูงโฮ (พระเอก) กับจังกึมด้วยนะครับ ซึ่งแน่นอนมันไม่ใช่รักที่รักกันหวานชื่นธรรมดาหรอก แต่หากไต้ท้าวมินต้องมีศัตรูหัวใจอีกคนหนึ่ง ซึ่งก็แน่นอนครับไม่ใช่บุคคลธรมดาหรอก และคน ๆ นั้นก็คือ "ฝ่าบาท" ไงครับ คือพระราชาที่ถูกพระทัยซอจังกึมและรู้สึกอยากได้จังกึมมาเป็นสนม ทีนี่ล่ะครับ ขุนนางไต้ท้าวขั้น 5 VS พระราชา 5555555555+


---> ด้านบทนักแสดง ขอพูดถึงจังกึมก่อนเลย บทนี้เป็นบทที่นางเอกกกกกกกกกกกมากเลยครับ ไม่ว่าใครจะร้ายใส่ฉัน ฉันก็จะดีใส่ แต่ช่วงหลัง ๆ รู้สึกจะปรี๊ดแตกมั้งทนไม่ไหวขอแก้แค้นคืน 555555555+ มันเป็นบทที่ง่ายดีนะครับในด้านอารมณ์ของตัวละคร แต่ในด้านอาชีพนี่สิลี ยอง เอ (ที่เล่นเป็นจังกึม) แสดงให้ผมเชื่อว่าเธอเป็นหมอจริง ๆ ซะด้วย หน้าตาเธอที่ฉลาดบวกกับฝีมือการแสดงที่เรียกได้ว่าเก่งอยู่พอสมควร ตัดมาตัวโกงตระกูลแช คนมารับบทนี้มันเล่นได้ดีมาก ทำเอาคนดูเกลียดมันสองคนนี้เลย และตระกูลมันก็แสนเลวทั้งตระกูลเหลือเกินนน เป็นการแสดงความเลวที่ออกมาแบบมีแผนการ เป็นการที่ไตร่ตรองไว้ก่อนซึ่งเห็นได้จากซีรีย์เกาหลีทั่วไปแนวพีเรียตนะครับ คนที่เล่นเป็นแชกึมยองอ่ะครับ เป็นคนที่แสดงอารมณ์ในบทของแกึมยองได้ดีมาก เธอมาแบบร้ายเงียบ ๆ คอยจ้องตะคุบตำแหน่งซังกุงสูงสุด เป็นคู่แข่งที่มีฝีมือด้านอาหารพอ ๆ กับจังกึมเลย ทั้งคู่เป็นทั้งเพื่อนและเป็นคู่แข่งกันตั้งแต่เด็ก แต่บางตอนแอบสะใจในฉากที่จังกึมทำมันหน้าแหกต่อหน้ามเหสี มันเป็นบทของนักแสดงที่เชือดเฉือนกันด้วยอาหารที่ดีเด่นเลยแหละครับ ฉากที่พระมเหสีให้จังกึมไปทำของว่างมา ซึ่งตอนนั้นจังกึมอยู่ในฐานะหมอหญิงต่ำต้อยธรรมดาคนหนึ่ง และเมื่อแชกึมยองต้องทำหน้าที่นี่อยู่แล้วเพราะเป็นหน้าที่ของซังกุงสูงสุด (มันเป็นได้เป็นซังกุงสูงสุดเพราะความขี้โกง) เมื่อทั้งคู่เอาอาหารมาวางไว้ตรงหน้าพระพักต์ของมเหสี แล้วมเหสีพูดว่า "ขอโทษนะแชซังกุง ข้าลืมบอกว่าไม่ต้องเตรียมอาหาร เพราะข้าได้ให้จังกึมไปทำมาแล้ว" หน้าแหกต่อหน้าพระมเหสีเลยครับ สะใจมากช่วงนั้น สายตาแชกึมยองมองหน้าจังกึมด้วยความอาฆาตแค้นสุด ๆ....

เรื่องนี้ผมให้โดยรวมทั้งบทนักแสดงและบทภาพยนตร์ = 9/10


_________________
สโมสรฟุตบอล ที่ปลอดพวกหน้าปรุ

ขอบคุณทุกคำแนะนำนะคะ จากใจจริง


_________________

One Litre of Tears ... น้ำตาหนึ่งลิตร



ละครเรื่อง 1 Litre of Tears สร้างขึ้นมาจาก ไดอารี่ 1 Litre of Tears ที่ คิโตะ อายะ เด็กผู้หญิงที่ต่อสู้กับโรคร้ายมาตลอดได้บันทึกไว้ เป็นหนังสือที่เอาไดอารี่ของเธอทั้ง 46 เล่มมาสรุปและพิมพ์จำหน่ายในชื่อ 1 Litre of Tears ที่ทำให้ทุกคนประทับใจและจำหน่ายได้ถึง 1.2 ล้านเล่ม และหลังจากที่ละครเรื่องนี้ฉายเป็นละครแล้ว ยอดจำหน่ายได้เพิ่มขึ้นถึง 1.8 ล้านเล่ม ตอนสิ้นปี 2548 และไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ยังได้สรุปบันทึกที่ คิโตะ ชิโอกะ แม่ของอายะ เขียนเอาไว้ในเรื่อง "อุปสรรคของชีวิต" รวมอยู่ในไดอารี่ 1 Litre of Tears นี้ด้วย และวันที่ 23 พฤษภาคม 1988 อายะทิ้งความประทับใจเอาไว้ในโลกนี้ และเดินทางสู่สรวงสรรค์ รวมอายุได้ 25 ปี ละครเรื่อง 1 Litre of Tears นี้ เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้ โดยในละครเรื่องนี้ ได้แทนนามสกุลจริง คิโตะ เป็น นามสกุล อิเคอูจ

" ฉันมีชีวิตต่อเพื่ออะไรกันนะ " นี่คือ ประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่ม ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่งเขียนไว้ตลอดระเวลาที่ต่อสู้กับโรคร้ายที่ไม่มีทางรักษานี้ คิโต อายะ เกิดปี 1962 เป็นโรคที่ชื่อว่า Spinocerebellar Degeneration ซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด ในตอนอายุ 14 ปี เป็นโรคที่รักษาได้ยาก อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆเสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ซึ่งไดอารี่ทั้ง 46 เล่มนี้ ก็คือบันทึกการต่อสู้กับโรคตั้งแต่เริ่มมีอาการ จนถึงตอนที่อายะไม่สามารถ ควบคุมแขนของตัวเองให้เขียนได้ เสมือนเป็นเสียงตะโกนที่ร้องขอการมีชีวิตอยู่ต่อ จากส่วนลึกของหัวใจเธอ

" โรคนี้ทำไมถึงเลือกฉันนะ " นี่คืออีก ประโยคหนึ่งจาก ไดอารี่ 46 เล่ม ที่เด็กผู้หญิงคนหนึ่ง ทั้งๆที่เป็นโรคที่รักษาไม่หาย แต่ก็ยังพยายามที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปกับโรคร้ายนั้น ทุกๆวันที่ถูกรายล้อมไปด้วย ความรักทั้งของครอบครัว และคนรัก และเพื่อนๆ ที่คอยช่วยเหลือ ร้องไห้และหัวเราะด้วยกัน อยากใช้ชีวิตกันต่อไป เป็นละครชีวิตที่ให้กำลังใจกับคนญี่ปุ่นสมัยนี้

" ร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร " เป็นอีก คำพูดหนึ่งที่ คิโตะ อายะ ได้พูดกับเพื่อนร่วมชั้นมัธยมปลาย ตอนที่จะลาออกจากโรงเรียนไปอยู่ที่โรงเรียนคนพิการ เนื่องจากไม่อยากทำให้เพื่อนทุกคน ในห้องต้องลำบากใจ เพราะเพื่อนๆในห้องส่วนใหญ่กลัวจะเรียนไม่ทัน จะสอบต่อมหาวิทยาลัยไม่ได้ เพราะอาจารย์ต้องสอนช้าลง เพื่อให้ อายะ สามารถจดตามได้ทัน เนื่องจากเมื่ออายะ เป็นโรคนี้แล้ว ช่วงแรกก็ยังพอเดินได้ปกติ แต่หลังจากนั้นก็เดินได้ยากขึ้น จนในที่สุดเวลาจะเดินต้องนั่งรถเข็น และเวลาเขียนก็ไม่สามารถเขียนได้เร็วเท่าคนปกติ โดยที่จริงๆแล้ว อายะ ไม่อยากจะไปที่โรงเรียนคนพิการ แต่อยากจะอยู่ที่โรงเรียนกับเพื่อนๆ แต่ก็ไม่อยากให้เพื่อนต้องลำบากเพราะตนเอง จึงได้ตัดสินใจลาออก โดยที่เธอได้บอกกับเพื่อนๆว่า กว่าเธอจะตัดสินลาออกได้ ต้องนอนร้องไห้เสียน้ำตาไปหนึ่งลิตร

โรค Spinocerebellar Degeneration คือ โรคที่ยังไม่สามารถรักษาได้ อาการของโรคจะทำให้สมองส่วนการรับรู้ จะยังทำงานเป็นปกติ แต่จะค่อยๆเสื่อมลง และควบคุมร่างกายไม่ได้ไปทีละอย่าง ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้แต่ละคนจะแตกต่างกันไป บางคนเมื่อเริ่มเป็นโรคนี้อาการจะค่อยๆเป็นหนักขึ้นอย่างช้าๆ แต่สำหรับบางคนอาการของโรคทรุดหนักลงอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มทำให้ ขาเดินได้ลำบาก จนต่อมาจะเดินไม่ได้ แขนและมือที่เคยจับเขียนได้ ก็จะค่อยๆจับและเขียนลำบาก จนสุดท้ายก็จะเขียนไม่ได้ การรับประทานอาหารก็จะลำบากขึ้นและจะสำลักบ่อยครั้ง บางคนอาจถึงตายได้เนื่องจากอาหารติดคอ ผู้ป่วยจะต้องมีคนดูแลอย่างใกล้ชิดอยู่เสมอ เพราะยิ่งอาการหนักขึ้นเท่าไหร่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้เองมากขึ้นเท่านั้น เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัดว่าเกิดจากอะไร และยังไม่สามารถรักษาจนถึงปัจจุบัน ทำได้เพียงพยายามชลอให้อาการทรุดหนักช้าลง เท่านั้น






_________________

trueblood เกร๋ๆ



แก้ไขล่าสุดโดย REDIO GAGA เมื่อ Thu Nov 24, 2011 6:15 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________

true blood เกร๋ๆ



แก้ไขล่าสุดโดย REDIO GAGA เมื่อ Thu Nov 24, 2011 6:15 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
_________________

กระทู้นี้ดีจังจะไล่อ่านดูอันไหนชอบจะหามาดูบ้าง ขี้เกียจไปนั่งหาเอง

ที่อยากจะแนะนำคงไม่มี เพราะส่วนใหญ่ก็ดูพวกเรื่องดังๆที่หลายๆคนรู้จักดีอยู่แล้วแหละ

แต่ถ้าแบบพูดถึงความประทับใจก็ Ugly Betty แหละสุดๆแล้วแม้หลังๆจะบทไม่ดีเท่าแรกๆ

อีกอันที่ประทับใจก็ The Vampire Diaries เห็นเจ๊พรล่ากับเห็ดเผาะคุยกันบ่อยๆเลยไปดูบ้าง

แรกๆนึกในใจจะไหวเหรอ ยิ่งไม่ค่อยถูกกับ Twilight อยู่ด้วย แต่ก็ผิดคาดแฮะ หนุกมาก


_________________