
Whitney Houston - Just Whitney
Whitney Houston คือศิลปินหญิงผิวสี ที่มีน้ำเสียงทรงพลัง ตลอด เกือบ 20 ปีที่ผ่านมา เธอได้รับความนิยมสูงสุด เธอมีเพลงดังๆอย่าง Saving All My Love For You, The Greatest Love Of All, Didn't We Almost Have It All และเพลง I Will Always Love You ซึ่งถือว่าเป็นเพลงที่ประสบความสำเร็จในชีวิตการเป็นศิลปินของเธอ เพลงนี้สามารถอยู่ในอันดับ 1 นานกว่า 14 สัปดาห์ สามารถคว้ารางวัลแกรมมี่ย์ไปได้ทั้งๆที่เป็นเพลงประกอบภาพยนตร์ อัลบั้มของเธอขายได้มากกว่า 120 ล้านทั่วโลก วิทนี่ย์เธอได้ปรับเปลี่ยนแนวเพลงของเธอจากพาวเวอร์บัลลาดมาเป็นอาร์แอนด์บีแบบ Slow Jam คล้ายๆกับ Babyface ซึ่งก็ทำให้เธอได้รับความนิยมสูงขึ้นไปอีก แต่ชีวิตครอบครัวของวิทนี่ย์ไม่ได้ราบรื่นเหมือนงานเพลงซักเท่าไหร่ เธอมีทั้งปัญหาชีวิตแล้วก็ยาเสพติด จึงส่งผลให้อัลบั้ม Just Whitney ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

4 ปีที่เธอห่างหายไปจากวงการเพลง เธอกลับมาพร้อมกับสไตล์อาร์แอนด์บี ฮิพฮอพ และแจ๊ซ แต่ก็ไม่ได้จัดจ้านเหมือนในอัลบั้ม My Love Is Your Love ในขณะที่เพลงในชาร์ตเป็นเพลงฮิพฮอพแบบเอาเป็นเอาตาย วิทนี่ย์เลือกที่จะทำเพลงให้เบาลง กะว่าจะไม่ไปแข่งกับใครรึเปล่า หรือว่ารู้ตัวว่าตัวเองมีความนิยมลดน้อยลง อัลบั้มนี้ไม่ได้มีคนใหญ่คนโตมาช่วยเหมือนแต่ก่อน น่าจะเป้นสาเหตุที่ทำให้ไม่มีแรงจูงใจจะซื้ออัลบั้ม มีเพียงแค่ Bobby Brown คู่ชีวิตทรหดของเธอมาเคียงข้าง จะดีหน่อยตรงที่ Babyface และเจ๊ตุ่ม Missy Elliott ยังไม่ทอดทิ้งเธอ อัลบั้มนี้เปิดตัวในอันดับ 9 บิลบอร์ด ด้วยยอดหมื่นกว่าๆ ทางต้นสังกัดบอกได้เกินคาดที่ตั้งเป้าไว้ ที่แสดงว่าเป้าที่ตั้งไว้คงจะไม่ถึงหมื่นแหงๆ วิทนี่ย์จะถูกทอดทิ้งขนาดนั้นเลยหรือ
One of Those Days ซิงเกิ้ลที่สอง เห็นโผล่มาวับๆแวมๆ อยู่ข้างล่างชาร์ตบิลบอร์ด แล้วก็หายไป เพลงนี้ได้เครื่องเป่ามาสร้างสีสัน ทำนองติดหู โยกได้ไม่อายใคร เซอร์ไวเวอร์แล้วเพลงนี้น่าจะเป็นเพลงที่ลงตัว และน่าฟังที่สุดในอัลบั้ม Tell Me No เพลงนี้ได้ Babyface มาช่วย วางใจได้ว่าไม่เน่าแน่นอน เพลงนี้เป็นเพลงที่วิทนี่ย์ใช้พลังเสียงมากที่สุดในอัลบั้ม (แต่ไม่ใช่ที่สุดของชีวิต) เสริมทัพด้วยเสียงคอรัสที่หอนกันสนั่น ถือว่าสอบผ่านในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่เพลงโปรด Things You Say แจซซ์เจืออาร์แอนด์บี ฟังสบาย วิทนี่ย์ร้องได้น่าฟัง นี่คือผลงานโปรดิวซ์ของ Missy Elliott อึ้งมั๊ยล่ะ My Love เพลงดูจะคึกคักเป็นพิเศษ อาจจะเป็นเพราะได้คุณสามี Bobby Brown มาร่วมร้องด้วย เนื้อเพลงก็สดใส ขัดกับข่าวรักๆเลิกๆในหน้าหนังสือพิมพ์ บ่งบอกถึงภาพรวมของครอบครัวนี้ได้ดี คือ ผ่านร้อนผ่านหนาวยังไงเราก็ยังรักกันเสมอ Love That Man Babyface กลับมาช่วยอีกครั้ง จังหวะคึกคัก ฟังสบาย แต่ก็งั้นๆแหล่ะนะ วิทนี่ย์ร้องได้ดีก็จริง แต่ลากเสียงสั้นไปหน่อยทำให้อารมณ์ต่อไม่ติดเลย แต่เพลงนี้ก็ไม่ได้เลวร้ายถึงขนาดต้องปัดทิ้ง Try It on My Own เพลงช้าที่น่าอนารถใจ นอกจากเสียงร้องที่แห้งผาก น่าเบื่อ มีความรู้สึกว่าวิทนี่ย์ไปเต็มที่ในการร้องเพลง ความจริงเพลงนี้ไม่ได้แย่นะ แต่ในฐานะที่เป็นราชินีดิว่าเสียงอลัง ไม่น่าจะร้องเพลงได้ง่อยแบบนี้ Dear John Letter มีความใกล้เคียงกับอัลบั้มที่แล้วขึ้นมาบ้าง อาร์แอนด์บีผสมโซลเบาๆ แต่ก็งั้นๆแหล่ะนะ Unashamed แอบแขกในเพลงนี้ ผสมลาตินเข้าไปอีก นึกถึงงานของ Enrique ที่ป้าเคยร่วมงานเมื่อปี 2000 นู้น เพลงนี้สอบผ่าน ทำนองมีอะไรให้ติดตามและน่าค้นหา ไม่น่าเบื่อเหมือนเพลงที่แล้ว ชอบเพลงนี้ที่สุดในอัลบั้ม You Light Up My Life เพลงบัลลาดน่าอนารถอีกเพลง ป้าวิทย์คัฟเวอร์ของ Debbie Boone เพลงเก่าเก็บเมื่อปี 1977 นู้น ร้องได้ป่วยมากๆ เคยฟังเวอร์ชั่นที่ LeAnn Rimes ร้องก็พอกัน ไม่รู้จะทำเพลงนี้ขึ้นมาทำไม Whatchulookinatพวกปาปาราซซี่เอย นักข่าวเอย อยากยุ่งเรื่องของชั้นดีนัก ด่ามันซะเลย ชั้นไปขี้จะตามไปมั๊ยยะ ทั้งฮาทั้งแสบ แต่ก็สมน้ำหน้าป้าแกนัก เพลงนี้ไม่แรง เพราะไปด่าสื่อเค้านั่นแหล่ะ เลยรวมหัวกันไม่เปิดเพลงซะเลย
วิทนี่ย์อ่อนแรงลงไปเยอะในอัลบัมนี้ เหมือนไม่มีแรงใจในการทำงาน แต่ก็คงเพราะมีสามีคอยให้กำลังใจอยู่ ถึงมีอัลบั้มนี้ออกมาได้ ทั้งๆที่วิทนี่ย์ก้าวสู่จุดสูงสุดด้วยอัลบั้ม My Love Is Your Love แล้ว แต่กลับต้องมาถอยหลังลงคลองในอัลบั้มนี้ ความจริงอัลบั้มนี้ไม่ได้ย่ำแย่อะไรเลยนะ แต่ในเมื่อเป็นถึงราชินีดิว่า ที่เคยตบตีกับยัยมาลิงมาแล้ว ก็ไม่น่าจะทำเพลงอ่อนได้ขนาดนี้ แฟนๆวิทนี่ย์เองคงไม่มีปัญหากับอัลบั้มนี้ แค่รู้สึกไม่ถูกใจ แต่ขาจรก็คงไม่เสียตังค์ซื้อแน่ๆ
