เออ ช้านงงจริงๆนะ ไม่รู้เรื่องอีวงการสตรีมเมอร์เลยค่ะ เล่นแต่เกม แต่ไม่เคยคลุกคลีอะไรกับอีสังคมพวกนี้เลย เรื่องยูทูบเบอร์ อันนี้พอจะรู้จากคนรู้จักที่เปิดvlogมาบ้างว่า ถ้ายอดsubscribeถึงเกณฑ์ที่ยูทูปวางไว้ ก็จะเซ็นเป็นพาร์ทเนอร์ป้อนคลิปให้ทางยูทูป (ไม่มั่นใจนะ ว่ายูทูปofferไปให้ หรือต้องขอไปเองอีกที) ซึ่งเคสนี้เข้าใจตรงกันว่าเสียภาษี (ถึงจะมีเรื่องการซิกแซกรายได้การเสียภาษีแบบบุคคลธรรมดากับนิติบุคคลก็ตาม)
แต่อีเคสสตรีมเกมนี้ มันมีเงินหลายๆอย่าง ที่ช้านว่าสรรพากรคงตามได้ยาก (แล้วคนทั่วๆไปก็รู้สึกสงสัย) อย่างแรกคืออีเรื่องโดเนท อีกอันคือสปอนเซอร์ เทียบกับดารา คือมีเรตการจ้างโฆษณาชัดเจน คนนี้7หลัก คนนั้น8หลัก ใครเลี่ยงภาษี คือเตรียมโดนสรรพากรแหกหีตรวจสอบย้อนหลังได้เลย ในขณะที่แวดวงยูทูบ คือดูมิติลี้ลับมาก อีดอก นึกว่าจ้างเงินเป็นbitcoin แล้วแต่ละตัวดูอู้ฟู้มากๆ เป็นดารายังวิ่งหีขดหีแข็งถ่ายงาน ท่องบท เข้ากอง
ส่วนเรื่องโดเนต (กะเทยพูดเรื่องติ่งเกาหีลซื้ออัลบั้มไปถมที่เหมือนตบหน้าช้าน 55) ส่วนตัวพอช่วงม.ปลายที่เริ่มมีเงินมีทองเป็นของตัวเอง ก็สนับสนุนนะ เอาง่ายๆปัจจุบันยังซื้อเพลงอีเอพิ้งค์ผ่านไอจูนอยู่เลย ทั้งๆที่ตอนนี้ย้ายซบSpotifyมาได้ซักพักแล้วก็ตาม
แต่ที่จ่ายเงิน คือเพื่อสนับสนุนผลงาน สนับสนุนtalent อะไรแบบนี้อ่ะ อย่างเกมหรือบรรดาin-app purchaseนี่ก็เติมนะ (หนักเบาขึ้นอยู่กับความต้องการล้วนๆ) ล่าสุดอีแรคไอเดิ้ลหน้าหีก็หลอกแดกตังค์ช้านไปได้ในที่สุดอีกล่ะ แต่ก็นั้นล่ะ มันก็อยู่บนบรรทัดฐานที่สนับสนุน'ผลงาน'
เลยไม่เข้าใจอีพวกโอนเงินในเคสแบบที่หล่อนบอกเท่าไหร่ ก็ไม่อยากจะjudgeใครนะ แต่บั่บ พวกนางเป็นพวกlow self esteemอะไรแบบนี้ป่ะ ซึ่งอีพวกแก่ๆที่หิวแสงอยากเป็นซัมบอดี้หรืออยากอมควยอีพวกสตรีมเมอร์ อันนั้นคือก็บรรลุนิติภาวะแล้วเน้อะ ก็ได้แต่สมเพชเวทนา ปล่อยไปตามยถากรรมแทน (แต่เอาจริงอีเรื่องบริจาคขอทานนี่ ควรมีagenda มีdiscussionกันจริงๆจังๆได้ล่ะ อีห่า จนตอนนี้กลายเป็นสังคมขอทานกันไปหมดแล้ว)
แต่ที่น่าตกใจ คือเคสที่เป็นเด็กอายุน้อยๆอ่ะ กะเทยนึกออกใช่ม่ะ อย่างอีพวกin-app purchase โอเคว่ามันพลาดกันได้ เพราะนี่ขนาดโตๆแล้ว ก็เคยเผลอๆกับอีพวกin-app purchase ตัดบัตรทีแทบร้องกรี๊ดเป็นผีเปรต แต่โดเนต อันนี้คือไม่โอเคมากๆ เหมือนโดนล่อลวงอะค่ะ เอาตรงๆ คือจะโทษว่าควรเป็นความผิดชอบของผู้ปกครองที่ปล่อยเด็กไว้กับคอม กับไอแพดอะไรแบบนี้ มันก็ไม่ได้หรอก เพราะผู้ใหญ่บางคนยังlow technologyอยู่เลย (อย่างช้านก็แทบจะโนไอเดียกับอะไรพวกนี้เลย ถึงได้งงว่าจะโดเนตไปให้พวกมันทำไม) ที่สำคัญคือใครจะมีปัญญาสามารถสอดส่องลูกหลานตัวเองได้ตลอด24ชั่วโมงขนาดนั้น ยิ่งประชากรส่วนใหญ่มีแต่laborกับmiddle classที่แทบจะสถิตอยู่ตามออฟฟิศมากกว่าบ้านด้วยซ้ำ
คือช้านก็ไม่ได้ถึงขนาดว่ารัฐต้องมีcensorshipกับอะไรพวกนี้ แบบที่ไร้สาระจนเบลอนมการ์ตูนอะไรแบบนั้นหรอก แต่อย่างไรมันก็ต้องมีการควบคุมหรือเปล่า แล้วความเห็นส่วนตัวคือมันสมควรจะถูกเรสขึ้นมาเป็นประเด็นจริงจังเหมือนสมัยเรื่องin-app purchaseได้แล้ว ใครใช้iOS จะรู้เลยว่าcustomer serviceเรื่องการprotectสิทธิของลูกค้าจากเอาเปรียบของแอพต่างๆผ่านแอพเพิลสโตร์คือดีมากๆ
ที่พูดถึงcustomer serviceของอีแอพเพิ้ล เพราะหลังจากอีเรื่องin-app purchaseมีปัญหาบ่อยๆเข้า เหมือนเคสที่หล่อนบอก อีลูกหลานขโมยบัตรไปซื้อของในเกม อีแอพเพิ้ลก็เข้มงวดกับบรรดาแอพที่จะมาเข้าในสโตร์มากขึ้น อีกทั้งชีวิตนโยบายที่เซฟตัวลูกค้ามากขึ้น ทั้งระบบรีฟันด์ และการติดต่อdeveloperเวลาแอพมีปัญหา ได้รวดเร็วและง่ายขึ้น
แต่อีโดเนต คือไปแล้วไปลับไม่กลับมา จะมาขอรีฟันด์คืนก็ไม่ได้ บอกพี่จ๋า คืนเงินหนูมาหน่อย ไม่งั้นหนูจะโดนแม่ตี มันก็คงไม่โอนกลับมาคืนให้อยู่ดี ดังนั้น ถ้าเรื่องนี้มันเป็นประเด็นสังคมขึ้นมา ต่อให้ไม่มีหน่วยงานรัฐมาควบคุมก็ตาม เผื่อกระแสสังคมจะทำให้อีพวกสตรีมเมอร์จะมีจรรยาบรรณขึ้นมาบ้าง เลิกเป็นขอทานหลอกลวงชาวบ้านเค้าซักนิด ก็ยังดี
_________________