วันนี้ฤกษ์งามยามดีขอมารีวิวหนังใหญ่บ้าง ตอนแรกก็กะจะรีวิวเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว แต่เกิดอาการขี้เกียจลงตับ เลยเอางานเก่ามาแปะแทน (we are the night สวยอมตะ)
ถ้าพูดถึงหนังที่ปลุกกระแสคลั่งแวมไพร์ตั้งแต่ปีก่อนก็คงหนีไม่พ้นเรื่อง Twilight จนเวลาล่วงเลยมาถึงตอนนี้ หนังก็ดำเนินเรื่องเข้ามาภาค4(.1) ซึ่งพูดได้ว่าใกล้จะปิดตำนานเต็มที แต่ความพิเศษอีกอย่างของหนังเรื่องนี้ก็คงหนีไม่พ้นความเป็นหนังที่Justin Bieber มากๆ (พูดง่ายๆก็คือหนังที่มีทั้งคนรักและคนเกลียดมากพอๆกัน) ส่วนตัวแล้วตอนแรกๆ ก็ไม่ชอบถึงขั้นเกลียดเพราะเรามองตัวหนังผ่านความเป็นหนังแอคชั่น สยองขวัญ และคิดเหมือนกับว่าหนังเรื่องนี้ทำลายขนบความเป็นแวมพ์ออรินัลเสียสูญสิ้น (น่าน!) อารมณ์แบบแวมพ์ห่าไรวิ้งค์ๆได้ด้วย แต่พอปรับเปลี่ยนมุมมองในการดูให้มองจากมุมที่เป็นหนังรักก็มีความรู้สึกดีกับหนังมากขึ้น (จะพูดถึงมันก็เป็นหนังรักจริงๆนะ)
เข้าเรื่องดีกว่า
สิ่งที่หนังเรื่องนี้ทำได้ดีมาตลอดทุกภาคที่ผ่านมาคือความสวยของภาพหนัง ไม่รู้จะสวยอะไรนักหนา ทั้งสี ทั้งภาพวิว ถึงมุมกล้องจะไม่แปลกแหวกตลาดก็เถอะ รวมไปถึงเพลงประกอบของภาพยนตร์(soundtrack) และดนตรีประกอบ(score)ด้วย ที่เพราะทุกภาค โรแมนติกสุดๆ มาภาคนี้เพลงที่เด่นคงหนีไม่พ้นเพลง it will rain ของพี่ Bruno Mars แล้วก็ A Thousand Years ของChristina Perri
สำหรับใครที่มีโอกาสได้อ่านหนังสือจนจบไปแล้ว จะรู้ว่าหนังเก็บรายละเอียดได้ในเกณฑ์ดี ก็เลยเป็นว่าสำหรับคนที่ยังไม่ได้อ่าน(หรือบางคนที่อ่านแล้วก็เถอะ)จะรู้สึกว่ามันยืดไปหน่อย(ยิ่งช่วงฮันนีมูน กรี๊ดด) มาภาคนี้น้องเบลล่าของเรามีช่วงที่ต้องแสดงอารมณ์ออกหน้าจัดๆ ด้วย(ฉากแต่งงาน) และนางก็ทำได้ดีด้วยนะเออ นางทำหน้าประหม่าได้ดีจนอยากฮาจริงๆ (ตอนนั้นคิดในใจว่ามึงคงทำในชีวิตจริงบ่อยน่ะสิ ฮ่าๆ) แล้วนางก็มีตอนฮาๆ แบบชะนีเตรียมความสวยก่อนจะขึ้นเตียงกับสามีไรงี้ ภาคก่อนว่านางแรดแล้วมาภาคนี้ต้องยอมจริงๆ เพราะนางพยายามปั่นพี่เอ็ดเวิร์ดจนแข็งแล้วก็ได้สำเร๊จเสร็จสมซะด้วย(เลวมาก) มาภาคนี้นางสวยจริงๆนะ เมื่อเทียบกับภาคก่อนๆ
พูดถึงพี่เจคอบบ้าง กรี๊ดดด มาครั้งนี้แลดูแต๋วแตกเว่อร์ ด้วยใบหน้าแลดูขาวอ่อนเยาว์+มีเลือดฝาดสวยๆด้วย เหอๆ กรี๊ดดดด ขอเม้าท์ฉากแต่งงานหน่อยว่าอีพวกชะนีแวมพ์ที่ถูกเชิญมาเป็นแขก เป๊ะประหนึ่งหลุดมาจากโว้กฝรั่งเศส สวยจนอีเจ้าสาวหายไปในดงกล้วยเลย ณ จุดๆ นั้น
และที่รู้ๆ กันอยู่ว่าหลังจากน้องเบลล่าของเราโดนกระแทกจนเตียงพัง หลังคายุบไปแล้ว นางก็ต้องป่อง กรั่กๆๆ ด้วยเหตุนี้แหละที่ทำให้ครึ่งเรื่องหลังของหนังทำให้เหล่ากระเทย+ชะนีทุกสารทิศต่างเริ่มคิดว่าตัวเองสวยขึ้นมาทันใด เพราะน้องเบลล่าของเราได้กลายร่างเป็นเหมือนชะนีที่เป็นโรคคลั่งผอม(anorexia) ยังไงยังงั้น หน้าแห้งจนตาโบ๋ ผมหยาบกร้าน แขนขาถูกตัดต่อจนแห้ง งานนี้ต้องขอบคุณทีมงานเอฟเฟคจริงๆ ที่ทำให้ชะนีและกระเทยทั่วโลกรู้สึกสะใจ
ชั้นเสียวตอนกระดูกน้องเบลหักมากเลยค่ะ กรี๊ดดดด เวลาแห่งความสะใจผ่านไปเร็วเหลือเกิน เมื่อหลังจากนางโดนกระชากลูกไปแล้วนางก็ถูกฉีดพิษแวมไพร์เข้าหัวใจ (ชอบกระบวนการแปลสภาพไปเป็นแวมไพร์มากมาย เก๋ดี) แอบเห็นลูกนางตอนเป็นสาวด้วยนะ สวยๆ แปะๆๆๆ ฉากแอ็คชั่นก็มีพอประปลายเหมือนภาคก่อนๆ นะพอหอมปากหอมคอสนุกดี
ชอบมุกที่ทำให้เจ้าสาวไม่สวยเว่อร์ ซึ่งปกติหนังแนวนี้พอถึงฉากแต่งงานเจ้าสาวต้องสวย สง่า สโลว์ แต่เจ้าสาวงานนี้แลดูธรรมดา(แต่ชุดสวยมาก ชอบข้างหลังอ่ะ เรียบๆแต่หรู) แถมยังสั่น + หน้าประหม่าอีก ดูธรรมชาติดี (ก็แน่ล่ะลุคที่เพอเฟคที่สุดของนางคงต้องรอเป็นแวมไพร์ เพราะแวมพ์ของเรื่องนี้เขาที่สุดๆกันอยู่แล้ว หนังสือเล่มหนึ่งบรรยายกันซะมนุษย์อย่างกูไม่มีดีเลย ฮ่าๆ)
โดยรวมถือว่าดีชอบๆ (สำหรับคนที่ดูมันในฐานะหนังรักนะ) ให้คะแนน 8/10 ขอหักไป 7 เหลือหนึ่งโทษฐานไม่เห็นตูดเอ็ดเวิร์ด นะจ๊ะ
ปล. ใครจะไปดูอย่ารีบลุกตอนจบนะจ๊ะ โวลตูรีจะโผล่มาทักทาย
Bye, xoxo

_________________















