
"กรูเบื่อ กรูรำคาญ..."
หากใครมีความรู้สึกเช่นนี้เกิดขึ้นยามที่เห็นสื่อฯ เสนอข่าวคราวที่เกี่ยวกับประเด็นของคุณ "ฟิล์ม รัฐภูมิ" กับคุณ "แอนนี่ บรู๊ค" ก็ต้องบอกว่าผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่มีความรู้สึกไม่ได้แตกต่างอะไรกันมากนัก
แต่ก็นั่นแหละครับ ด้วยหัวโขนของการเป็นนักข่าวบันเทิงที่สวมอยู่ก็เลยไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงได้
ที่สำคัญ ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต่อมซาดิสต์ของผมมันถูกกระตุ้นหรืออย่างไรไม่ทราบ ถึงได้ทำให้รู้สึกว่ายิ่งติดตามเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับข่าวนี้มากขึ้นเท่าไหร่ ความรู้สึกมันในอารมณ์ก็มีมากยิ่งขึ้นเท่านั้น
ทุกวันนี้ก็เลยต้องมานั่งลุ้นครับว่า แต่ละวันๆ ตัวละครตัวไหนจะออกมาพูดหรือว่าแฉว่าอะไรอีก รวมถึงจะมีตัวละครตัวใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมั้ย?
ไหนๆ ก็ไม่มีใครฟังใครแล้ว ก็ซัดกันเอาให้เละไปเลย ไม่ต้องไปกังวลกันแล้วว่าใครจะเละเทะ ใครจะเสีย ใครจะหาย หรือว่าเด็กที่เกิดมาซึ่งไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรจะมีตราบาปติดตัว...ดีมั้ยครับ?
ประชดนะครับ ประชด!
ล่าสุดก็เห็นมีข่าวว่าทางคุณแม่ของคุณฟิล์มได้ออกมาอ้อนวอนทั้งน้ำตาให้คุณแอนนี่เสียสละไปตรวจดีเอ็นเอซะเถอะ โดยให้เหตุผลว่าเพื่อความสบายใจของคนทุกคน โดยเฉพาะตัวของน้องฑีฆายุเอง พร้อมกับยืนยันว่าหากเป็นลูกของคุณฟิล์มจริงๆ ตนก็จะไม่ไปพรากเอามา ขณะที่ทางคุณแอนนี่เองก็ยังคงยืนยันคำเดิมว่าไม่ตรวจ ด้วยเหตุผลเดิมที่ว่าเคยชวนคุณฟิล์มตรวจแล้วทำไมตอนนั้นคุณฟิล์มถึงไม่ยอมตรวจ พร้อมยืนยันด้วยว่าจะขอเลี้ยงลูกเองและไม่สนด้วยว่าใครจะคิดหรือมองเช่นไร?
เมื่อเจ้าตัวเธอยืนกรานเช่นนั้น ผมว่าคุณฟิล์มก็เลิกคิดมากได้แล้วครับ กลับไปทำงานของคุณฟิล์มไป จะโกอินตงอินเตอร์อะไรก็ว่ากันไป ด้านคุณแอนนี่ก็ตั้งใจเลี้ยงลูกให้เป็นคนดีไม่ให้มีความรู้สึกว่ามีปมด้อย(ซึ่งผมคิดว่าเธอทำได้) ส่วนคนอื่นๆ ก็ลดอาการอยากรู้อยากเห็นลงไปบ้างเอาแค่พอหอมปากหอมคอ แค่นี้ทุกอย่างก็ปรองดองสมานฉันท์
เวลาจากนี้ไปขอให้เป็นช่วงของการเยียวยารอยแผลเถอะครับ อย่าได้สร้างบาดแผลรอยใหม่ขึ้นมาให้แก่กันและกันเลย
อย่างไรก็ตาม ถึงตอนนี้หนึ่งในตัวละครที่ผมว่าอยู่ในสภาพที่เรียกว่าตายไปแล้วทั้งเป็นก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากผู้บริหารค่ายอาร์เอสฯ "เฮียฮ้อ" คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ที่ผมเองชื่นชมนักชื่นชมหนาในงานเขียนครั้งที่แล้วทั้งเรื่องของการวางตัว การพูดการจาที่ดูสมกับเป็นผู้หลักผู้ใหญ่
ถึงตอนนี้ก็ยังยืนยันในคำพูดเดิมนะครับว่ายังชื่นชมแกอยู่ว่าสิ่งที่แกพูดคราวนั้นถูกต้องที่สุด
แต่ก็อย่างที่ทราบกันไปแล้วนั่นแหละครับ ไม่รู้เหมือนกันว่าแกไปกินดีอะไรมา จึงได้เกิดอาการดีเดือดถึงขนาดกล้าที่จะออกมาแฉฝ่ายหญิงด้วยข้อมูลชนิดที่หลายต่อหลายคนคงคิดไม่ถึงว่าคนที่เป็นผู้ใหญ่ คนที่เป็นนักธุรกิจบริหารเงินเป็นพันล้านจะกล้าทำเยี่ยงนี้
ต้องบอกว่าเดิมพันครั้งนี้ของเฮียฮ้อด้วยการปกป้องเด็กในสังกัดของตนเองอย่างเต็มที่พร้อมโยนขี้ไปให้คุณแอนนี่เช่นนี้สูงมาก
และไม่ว่าจะพิจารณาด้านใด มุมไหน แกก็มีแต่เสียกับเสีย และเสียทั้งนั้น
อย่างที่หลายๆ คนแสดงความคิดเห็นไว้ครับว่าข้อมูลที่เฮียฮ้อเอาออกมาแฉนั้นจะจริงเท็จหรืออย่างไรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง สำคัญที่ว่ามันเหมาะสมเพียงไรที่เฮียแกจะต้องเอาออกมาป่าวประกาศให้เป็นข่าวใหญ่โตเช่นนี้
เพื่อประโยชน์อะไร?
เพื่อปกป้องคุณฟิล์ม เพื่อหาความยุติธรรมให้กับคุณฟิล์มหรือ ไม่เลยครับ ในทางกลับกันผมว่ายิ่งเฮียพูดเท่าไหร่เด็กในสังกัดของเฮียก็ยิ่งจะดูแย่มากยิ่งขึ้นเท่านั้น เพราะต้องไม่ลืมนะครับว่าที่ผ่านมาคุณฟิล์มแกเคยตกเป็นข่าวอะไรมาบ้าง อย่างน้อยๆ ก็กรณีของ "เสี่ยอู๊ด" ละหนึ่ง ส่วนไอ้เรื่องไปตอกตะปู ทาสี ให้นักข่าว/ประชาสัมพันธ์ถ่ายภาพว่ากำลังสร้างบ้านให้คนยากจนนั่นน่ะ ช่างมันเถอะ
เพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจหรือ? อันนี้คำตอบคงมีอยู่แล้วว่าได้ผลมากมายเพียงไรจากกระแสที่หลายกลุ่ม-หลายองค์กรออกมาแสดงจุดยืนที่จะแบนสินค้าภายใต้ยี่ห้ออาร์เอสฯ
เพื่อนำความจริงมาเปิดเผยหรือ? ประเด็นนี้ผมว่าถ้าคุณฟิล์มแกถูกเรียกเงินค่าปิดปากจริงๆ งั้นก็คงจะต้องไปว่ากันในชั้นศาลแล้วล่ะครับ
ส่วนเรื่องที่ยกมาเสียยืดยาวถึงสาเหตุที่อาร์เอสฯ ในฐานะบริษัทต้องออกมารับผิดชอบในตัวศิลปินเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เป็นเรื่องของคนสองคนอีกต่อไปหากแต่เป็นเรื่องของสังคม เป็นเรื่องที่คนส่วนใหญ่ให้ความสนใจ หรือจะเป็นเรื่องคุณธรรมจริยธรรมอะไรไปนู่นนั่นน่ะ อ้าปากขึ้นมาก็เห็นตัวเลขเงินทองเต็มคอหอยไปหมดเลยครับ
กะว่าจะใช้การจู่โจมแบบกามิกาเซ่พลีชีพตนเองกดดันคุณแอนนี่ กลับกลายเป็นว่าเฮียฮ้อเองนั่นแหละครับที่ต้องมาถูกสะเด็ดระเบิดของตัวเองตัดแข้งตัดขาเข้าไปเต็มๆ
โดนเข้าไปเช่นนี้เฮียฮ้อของผมก็เลยเตี้ยลงไปเยอะเลย
ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า ด้วยวิธีการปกป้องลูกน้องตนเองแบบนี้ จากนี้ไปจะยังมี คนมาหาเฮีย เพื่อขอเป็นศิลปินในสังกัดเฮียหรือเปล่า?
บทความจาก ผจก. ออนไลน์
_________________
