
มนตราฟิล์มเรื่องใหม่จากค่าย วอลท์ ดิสนีย์ หลาย ๆ คนอาจจะเคยรับชมในฉบับหนูน้อยมิคกี้ เมาส์ออกมาร่ำร่ายส่ายมนตร์ไปแล้วคราวนี้ทุก ๆ อย่างเปลี่ยนไปหมด จากการ์ตูนสู่ภาพยนตร์ทุนยักษ์ เอ็ฟเฟ็กซ์ตระการตา การแสดงอันเป็นธรรมชาติ ตลกขบขัน ชวนหัวเราะ คนหลายคนอาจจะบอกว่า วอลท์ ดิสนีย์ ทำหนังไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่ ดูไร้สาระ แต่ทำการ์ตูนแล้วจะออกมาเป็นตำนานทุกเรื่อง
แต่เรื่องนี้เป็นอีกหนึ่งข้อยกเว้นจากวอลท์ ดิสนีย์เพราะว่าภาพยนตร์เรื่องนี้ออกมาได้ถูกใจอย่างยิ่งต่อตัวผู้วิจารณ์ เพราะว่าในตอนแรกคิดว่าหนังคงไม่มีอะไรมากอาจจะสไตล์ Race to witch mountain ก็เป็นไปได้ จึงไม่ได้คาดหวังอะไรกับตัวหนังมากมาย
แต่หลังจากเวลาผ่านไป 1 ชั่วโมงกว่า ๆ รู้สึกว่านี่เป็นก้าวใหญ่ของการพัฒนาเรื่องภาพยนตร์ของวอลท์ ดิสนีย์ เลยทีเดียว บทหนัง บทตัวละคร ดีขึ้น ไม่อยากพูดพร่ำทำหนังให้มากมาย เอาเป็นว่าเข้าเนื้อหากันเลยดีกว่า...

หนังเปิดตัวด้วยการใส่เนื้อหาไม่ใช่สร้างปริศนาตั้งแต่เปิดหนังแบบหนังดราม่าซับซ่อนหรรษาจิตที่เล่นเอา งง ตั้งแต่ 10 นาทีแรกของหนัง สำหรับหนังพ่อมดเรื่องนี้เปิดตัวมาด้วยการเล่าเรื่อง สาธยายความเป็นมาโดยใช้เวลาเล่าเพียง 5 นาทีเท่านั้นแต่สามารถให้เก็ทเนื้อเรื่องที่จะเกิดขึ้น ว่าจะมาประมาณไหนตามล่ายังไงอะไรกัน หลังจากอยู่หมู่เกาะอังกฤษ ตัวหนังก็จะพุ่งตรงมาเมืองหลวงของโลกนั่นก็คือ นิวยอร์ค นั่นเอง ต้องขอบอกเลยว่า มุมมอง มุมภาพ ของมหานครนิวยอร์ค ในเรื่องนี้นั้นงดงามวิจิตราเป็นอย่างมาก

แถมหนังเรื่องนี้ยังมีเพลงประกอบอันไพเราะซึ่งเป็นเป็นเพลงของวง OneRepublic เจ้าของเพลงสุดฮิตขวัญใจวัย 16 อย่างเพลง Apologize เป็นต้น ซึ่งเพลงนี้ถูกนำไปประกอบในหลาย ๆ ภาพยนตร์ หลาย ๆ ทีวีโชว์ แต่สำหรับเพลงในหนังเรื่องนี้ได้เลือกเพลง Secrets มาใช้ ต้องขอบอกเลยว่าไม่เคยฟังเพลงนี้แล้วรู้สึกเพราะเท่ากับฟังในหนัง แถมยังมีการนำเพลงมันทำลูกเล่นอื่น ๆ น่ารัก ๆ มากมายหนังเรื่องนี้นั้นมีหลากหลายอรรถรสได้แก่ ตลกขบขัน แอ็กชั่นสาดมนตร์ใส่กัน กระเด็นชนตู้ถล่ม ประตูพัง ผนังรั่ว
และยังมีฉากโรแมนติกหวาน ๆ น่ารักอีกด้วย ฉากโรแมนติกในหนังเรื่องนี้ออกมาได้น่ารักมากจี๊ดใจวัยโจ๋เป็นที่สุดเลยทีเดียว ( ไม่ขอบอกว่าเป็นยังไง แต่คนไหนดูเป็นอันต้องอมยิ้มแน่นอน ) ฟังอย่างงี้แล้วอาจจะคิดว่าหลายอรรถรสขนาดนี้แล้วหนังจะดีเหรอ อยากจะตะโกนดัง ๆ ออกมาว่า หนังสามารถแบ่งบทของแต่ละรสชาติชีวิต นำมาผสมผสานกันได้ลงตัวเหมือนศิลปะสมัยใหม่ของวงการภาพยนตร์เชียว
ท้ายนี้ระหว่างรอชม Toy Story 3 กันอยู่ละก็ อยากให้ผู้อ่านบทความนี้ลองให้โอกาส The Sorcerer’s Apprentice หน่อยก็แล้วกันเพราะว่าไม่ผิดหวัง และไม่เสียดายค่าตั๋วแน่นอน
โดย โรซี่
_________________
