˹���á Forward Magazine

ตอบ

ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
Confessions On A Dancefloor - Madonna
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Confessions On A Dancefloor - Madonna 


เอ่ยชื่อราชินีเพลงพ็อพ 97 เปอร์เซ็นต์ของคำตอบที่จะได้รับคือ มาดอนน่า เพราะไม่มีศิลปินหญิงคนไหน โดดเด่นเกินหน้าเกินตา นาง มาดอนน่า ริชชี่ นางนี้เด็ดขาด ด้วยทั้งรูปลักษณ์และตัวเพลง ที่มาดอนน่ากล้าบ้าบิ่นที่จะปฏิวัธ ปรับเปลี่ยนใหม่ทุกครั้งพร้อมกับการออกอัลบั้มใหม่ และเราต่างก็ต้อง อึ้ง ทึ้ง เสียว ไปกับเธอทุกครั้ง กลับมาวันนี้ มาดอนน่า กลับสู่รากเหง้าความเป็นเพลงเต้นรำ แต่ก็ใช่ว่ามาดอนน่าจะหวนกลับไปทำเพลงเต้นรำกิ่งก่องแก้วเหมือนแต่ก่อน มาดอนน่าในปี 2006 เปรียบเสมือนผู้หญิงที่โชกโชน มากด้วยประสบการณ์ ผ่านมันมาทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องดีและเรื่องเลวๆทั้งหลาย มาดอนน่าอาจจะต้องนั่งเสียใจกับภาพลักษณ์สาวบ้าเซ็กซ์ แต่ถ้ามองในอีกแง่มุมหนึ่ง ถ้าเธอไม่ทำอะไรแบบนั้น เธอก็คงไม่มายืนอยู่ตรงนี้ ในอัลบั้มที่ 11 ของราชินีเพลงพ็อพ เป็นการนำเอาเพลงดิสโก้ มาปรุงแต่งใหม่ในแบบฉบับของเธอ และยุคสมัย สิ่งหนึ่งที่จะติดมาดอนน่ามาทุกอัลบั้ม คือความกล้า ถ้าไม่กล้า ก็คิดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่เป็น ความกล้าของมาดอนน่าเราได้เห็นกันแล้วในหลายๆรูปแบบ กล้าเปิดเนื้อหนังมังสา กล้าร่วมงานกับบียอร์ค กล้าล้อเลียนศาสนา กล้าเอาเรื่องเซ็กซ์มาพูดเป็นว่าเล่น กล้าแม้กระทั้งเอาเรื่องสงครามมาเสียดสี ในอัลบั้มนี้เราจึงได้เห็นความกล้า กล้าที่จะแดนซ์โดยไม่ดูสังขาร ต้องฝ่าด่านคำวิพากวิจารณ์ของคนในหลายๆแง่ๆ ทั้งดีและไม่ดี คิดดูป้าแก่อายุใกล้ 50 ที่ไหนจะมาเปิดอัลบั้มเขย่าแดนซ์ฟลอร์ ที่คิดได้นอกจากนี้ก็คงจะมีย่าแชร์ ที่ ณ บัดนาว ย่าแกคงขออำลา ลาขาดจากเพลงแดนซ์ไปแล้วเรียบร้อย ด้วยสังขารและโบท็อกซ์ไม่เอื้ออำนวย

เพลงแดนซ์ หรือเพลงดิสโกนั้น ไม่เคยถูกลืมไปจากสารบบความนิยม เช่นเดียวกับมาดอนน่า อัลบั้มนี้จึงสะท้อนความเป็นตัวของเธอเองมากที่สุด เป็นแนวเพลงที่เธอถนัดและใช้บุกเบิกวงการมาตั้งแต่ยังสาวๆ แต่คนอย่างมาดอนน่า ไม่มีทางมาหากินกับของเก่า เธอจึงต้องปรับเปลี่ยนมันตามยุคตามสมัยและความคิดที่โตเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น

การเลือกนำเอา Stuart Price มานั่งแท่นโปรดิวเซอร์ ก็เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้น เพราะโปรดิวเซอร์ที่มาดอนน่าเลือกใช้นั้น จะมีอะไรที่ไม่ธรรมดา ดังเช่น วิลเลี่ยม ออบริท ที่ป่านนี้คงขายดีถูกเรียกใช้จากศิลปินไม่รู้กี่สิบราย พ่วงด้วย Mirwais Ahmadazi มือมิกซ์เทวดา ที่งานแต่ละงานที่ได้ร่วทำกับมาดอนน่า ล้วนจะเข้าขั้นชั้นยอดทุกครั้งไป อัลบั้มนี้จะต่อแทร็คติดกันอย่างเนียน ไม่ให้หยุดหายใจหายคอกันเลย ดูผลงานจากอัลบั้ม Music ในเพลง Impresive Instant ก็น่าจะเชื่อได้ว่า เสียงสังเคราะห์ฟุ้งกระจายแน่ๆ

พูดถึงเพลงในอัลบั้ม เด่นสุดก็คงจะหนีไปพ้นซิงเกิ้ลแรก Hung Up เก๋ด้วยแซมเปิ้ล ปลุกวิญญาณ เพลง Gimme! Gimme! Gimme! ของศิลปินกล่มรุ่นสังคโลก Abba กลับมาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง เนื้อร้องแม้จะไม่มีอะไรมากมาย แต่ทั้งตัวเพลงและทำนองติดหูเป็นที่สุด เหมาะเหม็งแล้วที่ตัดเป็นซิงเกิ้ลแรก ถ้าใครคิดว่าเพลงนี้ดีที่สุดแล้ว ลองฟังเพลงอื่นดู แล้วคุณจะรู้ว่าที่คุณคิดว่าดี ยังไม่ถึงครึ่งของอัลบั้มเลย Get Together มากับซาวด์เฟรนช์เฮ้าส์สุดหรู ผสมกับชิลเอ้าท์ไฮโซ ฟังแล้วเหมือนตัวเองนั่งอยู่ในบาร์ กรุยกรายด้วยกลิ่นน้ำหอมของเหล่าผู้รากมากดี พร้อมกับแก้วไวน์ชั้นเลิศในมือ ศิลปินเพลงเต้นรำหลายคน มักจะทำเพลงเฟรนช์เฮ้าส์ เพราะมันเป็นซาวด์ที่คลาสสิคที่สุด นึกไม่ออกลองฟัง Love At First Signs ของน้าไข่ดู หรือไม่ก็ One More Time ของ Daft Funk Sorry เด่นมากด้วยเนื้อหาเข้มเข็ง เอาไว้เปิดตอนผู้ชายมาขอเลิก แล้วมักจะมีคำฮิตพูดว่า I'm Sorry เอาเพลงนี้ตีแสกหน้ามันไปเลย ยูโรแดนซ์แบบที่เคยได้ยินกันในงานของ Kylie Minogue ในอัลบั้ม Light Years ที่เอาน้าไข่มาพูดไม่แปลว่าไปก็อปน้าไข่มา เพียงแต่ว่ามันทำให้นึกถึงอยู่เล็กน้อย อาจะเป็นเพราะ เพลงแดนซ์ในรูปแบบนี้ มีน้าไข่ที่โดดเด่นอยู่นางเดียวก็เป็นได้ Future Lovers ดูท่าคนมิกซ์จะคึกจัด เลยออกมาวุ่นวาย เสียงสังเคราะห์จากคอมพิวเตอร์วิ่งกันพล่าน ฟังดีๆจะรู้สึกได้ว่า มีการวางโครงสร้างเพลงเอาไว้ก่อน หลังจากนั้นจึงโปรยเสียงสังเคราะห์เข้ากลบอีกที I Love New York แค่ขึ้นต้นมาก็ต้องงกับประโยคที่ว่า I don't like cities, but I like New York หมายความว่ายังไงกัน ฟังจบเพลงเราจึงได้รู้ว่าเธอเสียดสีเมืองนิวยอร์ค จะด่าก็ได้ จะชมก็ดี พูดถึงซาวด์ก็ออกคล้ายๆ Ray Of Light ไปหน่อย มีสิทธิ์เป็นซิงเกิ้ลได้เหมือนกัน ด้วยเนื้อหาที่ประชดประชันเมืองนิวยอร์ค Let It Will Be ขึ้นต้นด้วยเครื่องสายชั้นดี อย่างว่า เริ่มต้นสวยก็มีชัยไปกว่าครึ่ง หนึ่งในเพลงโปรดของเราในอัลบั้มนี้ เพราะแม่คุณนำเครื่องสายมาแจมในดิสโก้ ใครยังไม่เคยฟังก็ลองนึกถึงเพลง Die Another Day ในเวอร์ชั่นดิสโก้ Forbidden Love เก๋ด้วยลูกล่อลูกชนเพียบ ฟังแล้วล่องลอย ตัวเบาหวิว และเซ็กซ์ซี่ไปในตัว Jump พ็อพที่สุดในอัลบั้ม รองจาก Hung Up แต่เนื้อเพลงไม่ง่ายเลย คุณกล้ามั๊ย ที่จะเปลี่ยนแปลง คุณกล้ารึเปล่าที่ตอบรับสิ่งใหม่ๆ ถ้ากล้าล่ะก็ กระโดดไปเลย How High คาดว่าน่าจะเป็นเพลงยั่วยวนที่คลาสสิคที่สุดในชีวิตการงานของมาดอนน่า บีทหนักแน่น เร้าอารมณ์ และน่าตื่นเต้น ทำเราลุ้นตลอดเวลา สจ๊วต ไพรส์ สามารถทำให้มาดอนน่าดูมีคลาสขึ้นมาทันตาเห็น Isaac ปรบมือกับความคิดหัวการค้าของมาดอนน่าเหลือเกิน ที่ใส่บทสวดของ Yitzhak Sinwani ลงมาในเพลงแดนซ์ เห็นมั๊ยล่ะ ว่ามาดอนน่าเธอกล้าบ้าบิ่นแค่ไหน ทำให้เรานึกไปถึงกลิ่นของอัลบั้ม Ray Of Light อยู่ตะหงิดๆPush อีเลคโทรนิก้าเปรี้ยวจี๊ด ออกลำโพงซ้ายทีขวาที จงใจให้มีกลิ่นซาวด์เอเชียโดยเฉพาะเห็นมั๊ยล่ะ สจ๊วต ไพรส์ทำเรื่องอีกแล้ว
Super Pop เพลงนี้ดูง่อยที่สุด เพราะท่วงทำนองไม่มีอะไรเลย วนเวียน ผ่านหูไปเฉยๆ อีเลิคโทรนิก้าไม่เด้ง เนื้อเพลงไม่เด่น สมแล้วที่ตัดเพลงนี้ออกไป ไม่เอามาขายในส่วนมาก Fighting Spirit อย่าเสียเวลาฟังต้นฉบับเลย ลองหามิกซ์เก๋ๆมาฟังดีกว่า เพลงนี้จืดสนิท แต่แม่ก็ยังจับมาใส่ในเวอร์ชั่นยูเคจนได้ Like It Or Not แทร็คสุดท้าย ที่ปิดด้วยความชื่นอกชื่นใจ พูดถึงการต่อรองความสัมพันธ์กับผู้ชาย คนอย่างชั้น ฆ่าได้หยามไม่ได้ อย่าตอแหล เสแสร้งกับชั้น เพราะชั้นรู้เท่าทันเกมส์คุณหมดแล้ว พูดถึงดนตรีที่แม้จะดูเบาบางลงจากเพลงอื่น แต่ถ้าคิดในแง่ของเพลงปิดอัลบั้ม มาดอนน่าเลือกเพลงถูกแล้วล่ะ


Confessions on a Dancefloor อาจจะไม่ได้ถูกหูคนฟังส่วนมาก เพราะมันไม่ใช่อัลบั้มที่สามารถจะเปิดได้ตลอดเวลา แต่ถ้ารักกันจริงก็คงไม่มีปัญหา อย่าคิดที่จะซื้ออัลบั้มนี้เพียงเพราะมันเป็นเพลงแดนซ์ คุณจะไม่เจอสิ่งที่มาดอนน่าได้พ่วงติดอัลบั้มมาให้ อัลบั้มนี้คงไม่ถูกจริตคนฟังเพลงแดนซ์ประเภทค่าย Red Beat ซักเท่าไหร่ เพราะตัวเพลงมันไม่ได้ง่าย เนื้อร้องจำสบาย จังหวะมันส์เป็นพอ ตลอดชีวิตการทำงานเพลงของมาดอนน่า เพลงเต้นรำคือเพลงที่เธอถนัดมากที่สุดแล้ว อัลบั้มที่ 11 ของมาดอนน่า เปรียบได้ว่าเป็นการย้อนกลับสู้รากเหง้าที่แท้จริงของมาดอนน่า ในยุค 2006




แก้ไขล่าสุดโดย BomB--Gates เมื่อ Wed Apr 05, 2006 11:04 pm, ทั้งหมด 2 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ผู้ประลองด้าน Reader reviews อันเก่งกล้า ได้กลับมาแล้ว !!!


_________________
คุยหนังภาษาหมา
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
อ่านเพลินดีคะ
เหมือนอ่านนิตยาสารเพลงอยู่
เขียนวิจารณ์เก่งจัง



_________________



Lindsay Lohan พิมพ์ว่า:
"Being an actress is lonely, and I never want to be alone. I hate sleeping alone."
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
แกบอกให้ชั้นซื้อ....ชั้นยังไม่ได้ซื้อเลยว่ะบอมบ์ เดี๋ยวซื้อฟังแล้วจะกลับมาอ่าน

**ตกลงแกอยู่ส่วนไหนของประเทศว่ะตอนนี้



_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
PP_Skywalker พิมพ์ว่า:
แกบอกให้ชั้นซื้อ....ชั้นยังไม่ได้ซื้อเลยว่ะบอมบ์ เดี๋ยวซื้อฟังแล้วจะกลับมาอ่าน

**ตกลงแกอยู่ส่วนไหนของประเทศว่ะตอนนี้


อยู่พัทยาเฟ้ย ตอนนี้ได้แต่เดินบนชายหาด แต่สงกรานต์จะเล่นให้ดำไปเลย ก๊ากๆ

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
มาดอนน่าเก่งมาก


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ชมเว็บส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เขียนดีมากๆๆ ครับ โดยสว่นตัวแล้วเคยฟังเลพงมาดอนน่าสีห้า เพลงเองมั้ง....แต่ชอบ frozenเพลงเดียว....แต่ sorry ก็เก๋ดี ตรงที่พูดลหายๆภาษาอ่ะ....อ่านแล้วเด๋วจะไปหยิบอัลบั้มเจ๊แกมาฟัง...

ป.ล.ชอบมาดอนน่าลุค นี้อ่ะครับดูน่ารักดี....

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว ส่ง Email MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
เขียนดีครับอ่านเพลินๆ..................... like


_________________
[img]<a href="http://allyoucanupload.webshots.com/v/2003853070361758408"><img border="0" src="http://aycu26.webshots.com/image/8465/2003853070361758408_rs.jpg" alt="Free Image Hosting at allyoucanupload.com"/></a>[img]
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว MSN Messenger
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ลายตาอะ


_________________
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 2
ไปที่หน้า 1, 2  ถัดไป
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com