http://www.facebook.com/hysteriaculture
http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/05/08/back-in-the-day-natalie-imbruglia-left-of-the-middle-pop-rockalternative-rock-79-3-55/
Natalie Imbruglia : Left Of The Middle : Pop Rock/Alternative Rock (79% = 3.5/5)
อีกหนึ่งศิลปินหญิงที่เด็กปลายยุค90sไม่มีใครไม่รู้จักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กๆในรุ่นดิฉันที่กลับบ้านมาตอนเย็นแล้วตรงดิ่งไปเปิดช่องMTVพลางทำการบ้านก็น่าจะจำกันได้ดีว่าในตอนนั้นเราได้พบกับนักร้องคนสวยที่ชื่อ นาทาลี อิมบรูเกลีย กับซิงเกิ้ลฮิตอย่าง Torn กับทุกเย็นไม่มีเว้นวัน ถึงใครจะหาว่าดังจริงๆจังๆแค่เพลงเดียวแต่ก็เป็นเพลงเดียวที่มีอิทธิพลสูงมากในยุคทีนพ็อพ (ซึ่งเธอออกแนวสาวร็อคเล็กๆมากกว่า) และเป็นเพลงเดียวที่ทำให้ชื่อของนาทาลี อิมบรูเกลียยังคงเป็นที่รู้จักของเด็กยุคหลังๆมาจวบจนทุกวันนี้
ถามว่าอยู่ในโหมดไหนจู่ๆถึงไปขุดอัลบั้มชุดนี้ขึ้นมาเขียนก็ตอบแบบไม่มีประดิษฐ์เสแสร้งหรือทำฟอร์มใดๆเลยว่า จู่ๆนึกถึงก็หยิบมาเขียนซะเลย! 555 เชื่อเถอะค่ะว่าไม่ได้อยู่ในอารมณ์ไหนหรือมีแรงบันดาลใจอะไรเป็นพิเศษเลยแม้แต่นิดเดียวแต่เชื่อว่ามันก็ต้องมีเหตุผลอะไรลึกๆสักอย่างที่ซ่อนอยู่ในความคิดถึงแหละหนา
เอาจริงๆตอนเด็กๆไม่เคยมี Left In The Middle ผลงานอัลบั้มชุดแรกของนักร้องสาวจากออสเตรเลียท่านนี้ไว้ในครอบครองซึ่งพอเมื่อไม่กี่วันมานี้ได้ลองหามาฟังแบบเต็มๆเป็นครั้งแรกก็แอบเซอร์ไพร์สนะคะเพราะไม่คิดว่างานเปิดตัวของอดีตดาราจากละครเรื่อง Neighbors ชุดนี้จะมาสายเข้มกว่าที่คิด คือนี่อนุมานมาตลอด14ปีที่ไม่เคยมีอัลบั้มชุดนี้ของนางไว้ในคอลเล็คชั่นว่าก็คงจะไม่พ้นแนว พ็อพร็อค และ ทีนพ็อพ แบบที่ได้ยินในTornที่ไหนได้ภาพรวมกระเดียดไปทางอัลเทอเนทีฟร็อคพอตัวที่แสานมาทั้งทริพฮอพหลอนๆติ๊สท์ๆ,งานร็อคเชิงบริทร็อคบริทพ็อพเท่ห์ๆไปยันแหกคอกไปดุถึงขั้นเป็นโพสท์กรั๊นจ์กลายๆน้องๆป้า อลานิส มอริเซ็ท ในอัลบั้มนี้ก็มีให้ฟัง - เชื่อแล้วค่ะว่าศิลปินพ็อพชาตินี้แรงกว่าที่คิด!
ด้วยความที่ซิงเกิ้ลแรกอย่าง Torn (5/5) ที่เธอคัฟเว่อร์มาจากวง Ednaswap มันดังไปแทบจะทั่วทุกมุมโลกไม่เว้นแต่ในอเมริกาจึงพาร์ทแทร็คเด่นแทร็คแนะนำในคอลัมน์นี้จึงไม่จำเป็นต้องมีลูกเล่นหรือลีลาใดๆให้ปวดหัวค่ะ ซึ่งเวอร์ชั่นของนาทาลีก็เป็นงานพ็อพร็อคที่โดดเด่นบนการใช้บีทอคูสติคเหยาะเข้ากับอารมณ์ทีนพ็อพหวานๆได้อย่างมีชั้นเชิงแถมนอกจากเมโลดี้จะสวยแล้วยังสมบูรณ์แบบด้วยท่อนคอรัสที่ไพเราะติดหู ฟังแล้วก็ไม่น่าแปลกใจที่มันจะยังดังมาถึงทุกวันนี้ One More Addiction (4/5) มาสายหนักกว่าที่คิดเพราะเป็นงานร็อคที่กระเดียดไปเป็นโพสท์กรั๊นจ์แรงๆแบบอลานิส มอริเซ็ทซึ่งก็แทบไม่อยากเชื่อว่าหน้าหวานๆแบบนี้จะทำเพลงสายฮาร์ดร็อคติดพั้งค์ได้ถึงขนาดนี้ พิสูจน์กันอีกเพลงใน Big Mistake (4.5/5) ซิงเกิ้ลที่สองที่บีบความพ็อพมาลดความดิบกร้าวลงพอตัวฟังแล้วนึกถึงงานสายบริทพ็อพช่วงยุค90sและพวกSmashing Pumpkinsขึ้นมาตะหงิดๆแต่ถึงมากค่ะ! สลับมาที่งานทริพฮอพลอยๆใน Leave Me Alone (3.5/5) เบรคอารมณ์ร็อคเล็กๆที่จี๊ดพอตัวของเธอในสองแทร็คก่อนหน้า (ว่าแต่เธอเป็นแฟนคลับRadioheadรึเปล่าคะ?) ก่อนจะมาพบกับ Wising I Was There (4/5) งานอัลเทอเนทีฟร็อคที่รับอิทธิพลจากอัลบั้มJagged A Little Pillของน้านิดมาเต็มๆแต่ท่อนคอรัสพ็อพมาก มาที่ Smoke (4/5) อีกหนึ่งเพลงเก่งของอัลบั้มที่ขอประทานโทษนะคะตอกย้ำให้ดิฉันคิดถึงสิ่งที่ได้ยินมาจากอัลบั้มOk ComputerของRadioheadอยู่เหมือนกัน อันนี้ศัพท์ยุคนี้เข้าเรียกกันว่าเข้าหมวดหมู่เอ็กซ์เพอริเมนทัลร็อคแล้วซึ่งก็ขอชมว่าเธอทำออกมาได้เก๋มากๆคือจับทั้งอิเล็คโทรนิค อัลเทอเนทีฟร็อค พ็อพและเครื่องสายเชิงคลาสสิคมาลงสนามเดียวกันได้เหมาะเจาะ Intuition (4/5) ถอยกลับมาเล่นกับงานพ็อพร็อคเพราะๆฟังได้เพลินๆแต่นับว่าเป็นแทร็คที่มีท่อนที่สวยมากๆของอัลบั้มนี้ทีเดียว ปิดท้ายด้วย Left Of The Middle (4/5) ไทเทิ่ลแทร็คที่เป็นอคูสติคเรียบง่ายให้อารมณ์ที่สดและความเพราะไปอีกแบบ
ถ้าถามว่างานดีขนาดนี้รู้สึกพลาดมั้ยที่เพิ่งมาฟังเอาอีป่านนี้? คงตอบได้เต็มปากว่า ไม่เลย! เพราะช่วงเวลานี้แหละที่จะทำความเข้าใจกับดนตรีและความสวยงามของ Left Of The Middle ชุดนี้ - คิดเล่นๆว่าถ้าได้ฟังเมื่อ17ปีที่แล้วทั้งชุดตอนสิบขวบจริงๆก็คงไม่เข้าใจหรอก!
