˹���á Forward Magazine

ตอบ

Note To God : Divas + Rockers (Music Cassanova#13)(Done!!)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ Note To God : Divas + Rockers (Music Cassanova#13)(Done!!) 


Music Cassnova หายไปนานมากจนหลายคนถามว่า "ยุบตาม Mortal Kombat ไปแล้ว ใช่มั้ย?" อันนี้มายืนยันนะคะว่าคอลัมน์นี้ไม่หายไปไหนหรอกค่ะ ก็ขอกลับมาแบบสั้นๆชิลล์ๆชนิดพิมพ์กันสดๆเลยกับ Music Cassnova ครั้งที่13 Note To God : Divas + Rockers ที่จะคัด10เพลง - - 5จากดิว่าและอีก5จากศิลปินร็อค - - ที่คิดว่าเป็นตัวแทนที่ดีที่ดิฉันจะใช้สื่อสารกับพระผู้เป็นเจ้าทั้งในเรื่องของตัวตน สิ่งที่อยู่ในใจ ความรู้สึกในการมองโลก ณ ปัจจุบันขณะหลายๆอย่างผ่านทาง "ดนตรี" มาเขียนกันแบบสดๆ ในฐานะ10เพลงที่จะทำให้พระผู้เป็นเจ้าทรงรู้จักลูกคนนี้ดีกว่านี้ เริ่ม!!!



1.Christina Aguilera : Keeps Gettin' Better

เอาจริงๆก็แถบจะไม่เชื่อเหมือนกันว่าหนึ่งในเพลงที่ "ชอบน้อยที่สุด" ของดิว่าคนโปรดอย่างคริสทิน่า อากิเลร่าจะกลายเป็นเพลงอันดับหนึ่งที่เป็นตัวแทนที่ดีในการสื่อสารทางจิตวิญญาณระหว่างดิฉันกับพระผู้เป็นเจ้า ในแง่ของ "ตัวตน" ที่ดิฉันเป็น...เนื้อเพลงเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า Some days I'm a super bitch Up to my old tricks But it won't last forever...You see the vixen in me Becomes an angel for you เป็นประโยคสั้นๆที่ใช่และแทนตัวตนของแนสทิน่าคนนี้ได้อย่างครบถ้วนสมบูรณ์แบบ จริงๆเป็นคนมีสองด้านในตัวนะคะคือบทดีก็ดีใจหายมากกกกกแต่บทร้ายนี่ก็เข้าขั้นเลว เป็น เอ่อ คนที่ทำตัวเหมือนจะเป็นลูกซาตานแต่ศรัทธาในพระเจ้า ยืนอยู่ระหว่างความดีและความชั่วของแท้เลย...จริงๆแล้วก็ต้องยอมรับอยู่กลายๆว่าบางทีก็เหนื่อยกับความที่เป็นคนที่มีสองด้านอย่างแท้จริงคือมันไม่ใช่แค่คนอื่นที่คาดเดาเราไม่ถูกแต่ตัวเราเองแท้ๆบางทียังตามตัวเราไม่ทันเลย - - มีหลายครั้งเหมือนกันที่มานั่งคิดว่า เอ ทำไมวันนั้นเราถึงแสดงนิสัยแย่ๆแบบนั้นออกไปนะ -- รักเพลงนี้ตรงที่เหมือนกับเป็นคำสารภาพอย่างจริงใจต่อพระผู้เป็นเจ้าว่าเด็กคนนี้ก็ยังเป็นคนที่บาป สกปรกและง่ายที่จะเดินในทางที่ไม่ดีนักอยู่ดี....แต่เชื่อเถอะค่ะว่าพระผู้เป็นเจ้ารักลูกในแบบที่ "เด็กคนนั้นเป็น" ...บางทีการเดินกลับมาอยู่ในกรอบและพยายามอย่างแท้จริงที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีขึ้น มันดีกว่าการที่เราเปลี่ยนแปลงปุ๊บปั๊บดีผิดหูผิดตาแต่ท้ายที่สุดก็เป็นการกระทำแต่เปลือกและเสแสร้งเป็นไหนๆ...ไม่จริงหรอกที่พระผู้เป็นเจ้าจะไม่เคยมองหรือเลือกจะให้โอกาสคนเลว





2.Manic Street Preachers : There By The Grace Of God

เพลงแรกจากฝั่งร็อคสำหรับดิฉันคงจะไม่มีเพลงไหนที่มีความหมายมากไปกว่าเพลงนี้ There By The Grace Of God โดยอดีตเจ้าชายจอมขบถแห่งเวลส์ Manic Street Preachers ที่นำพาเพลงของตัวเองพัฒนาจากอัลเทอเนทีฟร็อคกราดเกรี้ยวสับกีตาร์แกลมพั้งค์กันชนิดไม่ยั้งกลายมาเป็นวงร็อคปัญญาชนที่แต่งเพลงเสียดสีการเมืองและสภาพความเป็นไปของสังคม แม้ว่าพวกเขาจะพิสูจน์ศักยภาพทั้งในด้านการเขียนเพลงและวิสัยทัศน์ทางดนตรีให้ดิฉันปลาบปลื้มประทับใจมาตั้งแต่อัลบั้มแรกแต่แล้วความประทับใจต่อ The Manics ก็กลับมาระเบิดเอาถึงขีดสุดในเพลงนี้ - - ที่เป็นแค่เพลงแถมในอัลบั้มรวมฮิต - - คือมันเป็นอะไรมากกว่าเพลงร็อคเพราะๆฮุคแรงๆโดนใจมีความหมายคมกริบบาดใจที่ฟังแล้วต้องร้องกรี๊ด หากแต่วินาทีแรกที่ได้ยินเพลงนี้มันรู้ได้เลยว่า "วงนี้กำลังเล่นเพลงของฉันอยู่" ความรู้สึกแรกที่เกิดขึ้นคือ "เจ็บปวด" เหมือนโดนกรีดเมื่อย้อนมองกลับไปถึงหลายสิ่งอย่างที่เราเคยผ่านมันมาในชีวิตพอลืมตาขึ้นมาแล้วมันรู้สึกเจ็บที่ว่า "เอ ทุกวันนี้เรากำลังทำอะไรอยู่?" ในวัย24ปีนี่ขอสารภาพตามตรงเลยว่าเลิกแสวงหาคำตอบของชีวิตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เพราะรู้ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดอยู่ที่ว่า "เราต้องการอะไรและความสุขของเรามีนิยามแบบไหน???" ...ทำให้เลิกมองตัวเองเทียบกับคนอื่นและพยายามทำสิ่งที่ตัวเองต้องการให้บรรลุก็แค่นั้น - - ชีวิตก็แค่เกมส์ที่เราทุกคนตกเป็นเหยื่อเชื่อเถอะ!!!




3.Martina Mcbridge : A Broken Wing

เพลงที่สามเป็นงานจากอัลบั้ม Evolution งานที่ประสบความสำเร็จที่สุดของ "มาร์ทิน่า แม็คไบร์ท" ดิว่าจากฝากดนตรีคันทรีย์ แม้ว่าเนื้อหาแท้จริงจะอุทิศให้แก่ความเจ็บปวดจากรักแท้แต่ส่วนตัวผมกลับแปลเพลงนี้ไปตามอารมณ์ความรู้สึกของตัวเองชนิดเข้าใจความหมายกันไปคนละทิศคนละทางเลยกับแค่คำว่า "A Broken Wing" นี่แหละ...อยากถามว่าเคยมั้ย??ที่ต้องฝืนบินฝ่ามรสุมต่อไปทั้งๆที่รู้ตัวดีว่าปีกกำลังหัก บางทีหลายครั้งก็ตำหนิตัวเองนะว่า "ทำไมถึงโหดกับตัวเองเกินไปนัก" บางทีชีวิตคนเรามันก็ไม่ได้มีโอกาสอะไรให้เลือกมากนักออะไรที่เยียวยามันได้ก็ต้องเยียวยามันแบบฉับพลันขุดมันมาให้หมดทั้งความทะเยอทะยาน ศรัทธา อะไรก็แล้วแต่แล้วบินมันไปให้ได้ไกลที่สุดและสูงที่สุดเท่าที่เราจะทำได้...โลกของความเป็นจริงมันแย่ตรงที่ไม่มีเวลามากพอที่จะให้มานั่งพักรักษาใจหรืออาลัยอาวรณ์อะไรกันให้มากมายหรอก





4.Black Rebel Motorcycle Club : Devil's Waitin'

อันดับ4งานจากวงร็อคที่ส่วนตัวรักใคร่เทิดทูนที่สุดวงหนึ่ง - - Black Rebel Motorcycle Club - - จากที่ก่อนหน้านั้น (ปี2005) พวกเขาทำให้วงการดนตรีตะลึงกันไปแล้วกับการจับเอาซาวนด์การาจร็อค โพสท์พั้งค์มาชนกับพวกโอลด์สคูลร็อคแอนด์โรลแบบยุค80กับซาวนด์ชูเกสซิ่งแบบอังกฤษจ๋าชนิดที่ว่าแน่ๆอย่างพวก The Killers หรือ The Stroke ฟังแล้วจะต้องกราบเพราะว่าพวกคุณเธอดุมากกกกกกกกกกกก - - ย่างก้าวในอัลบั้มที่3พวกเขาทำเก๋สลับมาเป็นหนุ่มคันทรีย์อเมริกาน่าจ๋าแต่ก็ม่ลืมที่จะแฝงภาคการนำเสนอแบบอินดี้ร็อคที่ค่อนข้างจะหวูดหวิวและดิบหม่นได้ใจเช่นเดิม ส่วนเนื้อหาเพลงนี้สุดยอดมากๆ

out on the corner with cast iron blood
10,000 more with hearts on their own
the say i might die i maybe cold
I may have no jesus I may have no soul
In prison I hear there's time to be good
but the first thing you see is the last thing you should

Well i've seen the battle and I've seen the war
And the life laying here is the life i've been told
Well i've seen the battle and I've seen the war
And the life I have here is the life i've been sold

they say theres a path soon where i'll stand to judge
but the devils a waiting with christ like a son
when the look comes your way best say was I
for the reasons you hold give reasons to die
the callings impatient but the calls never won
but the last one to say it may last through the flood

Well i've seen the battle and I've seen the war
And the life laying here is the life i've been sold
Well i've seen the battle and I've seen the war
And the life I have here is the life i've been told

and born in the mirror where lifes just begun
and i've roamed from the reasons and roamed to the gun
they say i'm the killer and thy will be done
and the doors won't be open when i finally become

and i've seen the battle and I've seen the war
And the life laying here is the life i've been sold
yeah i've seen the battle and I've seen the war
And the life laying here is the life i've been told

กล่าวถึงความโหดร้ายของชีวิตและความศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าได้อย่างเหนือชั้น





5.Madonna : X-Static Process

จะว่าไปเพลงนี้นับว่าเป็นอีกหนึ่งเพลงที่ดีมากๆของมาดอนน่าที่ถูกมองข้ามเนื่องจากกระแสของอัลบั้มที่ไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเท่าที่ควร ก่อนอื่นบอกตามตรงเลยว่าครั้งแรกที่ฟังเพลงนี้นี่เป็นอะไรที่ค่อนข้าง "ช็อค" เพราะไม่คาดคิดว่ามาดอนน่าจะสามารถกลับมาทำบัลลาดที่ทรงพลังขนาดนี้ได้อีก - - ยกอัลบั้ม - - ตัวเพลงวางโครงสร้างอย่างเรียบง่ายบนคอร์ดกีตาร์อคูสติคซอฟต์ๆเบาบางสอดประสานไปกับการเรียบเรียงตามธรรมเนียมโฟล์คที่ใช้มิติลูกเล่นของการประสานเสียงมาช่วยจุดประกายความโดดเด่นของตัวเพลงได้อย่างเหนือชั้น เป็นเพลงที่ว่าด้วยเรื่องของการตระหนักถึงความสำคัญเหนือสิ่งอื่นใดของความรัก ศรัทธา การสำนึกและยึดมั่นในอัตตาตลอดจนศักดิ์ศรีของตนอย่างไม่เคยวาง...ฟังแล้วแถบจะร้องไห้




แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Tue Jun 28, 2011 4:20 am, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


6.Oasis : The Importance Of Being Idle

เชื่อเถอะถ้าดิฉันจะบอกว่า "ส่วนตัวหลงรักเพลงนี้เอามากๆ" ทั้งที่จริงๆแล้วในสายตาของหลายๆคนแม้แต่คนที่เป็นแฟนเพลงOasisตัวยงก็ยังไม่ค้นพบความดีของเพลงนี้ว่าแม่งมันมีดีตรงไหน? อัลเทอเนทีฟร็อคริฟฟ์กีตาร์แบบร็อค90ดิบๆเชยๆผสานอารมณ์พ็อพแบบเดอะบีทเทิ่ลส์ชนิดที่ถ้าไปอยู่ในอัลบั้มที่2-3ของทางวงก็ยังจะดูมีแววเกิดกว่าแถมเสียงร้องย้วยๆของคุณโนเอลในเพลงก็ยังไม่มีความโดดเด่นเก๋ไก๋ประการใดเมื่อไปเทียบกับ Blur ที่บุกเบิกแนวเทือกๆนี้มาก่อน....เหตุผลที่หลงรักหัวปักหัวปำคงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก "เนื้อหา" ที่นอกจากจะเสียดสีจิกกัดความเป็นไปในการดำรงชีวิตแล้วยังแถกๆมาแดกเอาตัวดิฉันเข้าเต็มคำรบ ด้วยความที่ชีวิตเคยผ่านช่วงเวลาแบบนี้มาก่อนคือไม่เป็นโล้เป็นพายอะไรเลยไม่เอาอะไรสักอย่างเรียนก็ไม่เรียนงานก็ไม่ทำ เรียกได้ว่าชีวิตเหลวเป๋วเละเทะยิ่งกว่าโจ๊กฟังเพลงนี้ทีไรก็จะทำให้อดย้อนไปนึกถึงตอนช่วงนั้นพลางอดขำไม่ได้ว่า "ผ่านมาจนถึงทุกวันนี้โดยไม่อดตายได้ไงวะ" - - คนเรามันต้องอยู่กันแบบหน้าด้านๆเนอะ - - เหตุผลก็แค่เหนื่อย ท้อแท้ ไม่รู้ สับสน ประชดที่สำคัญ "ขี้เกียจ" ว่ะ





7. Jennifer Lopez : Until It Beats No More

แรกๆฟังเพลงนี้แล้วอดขำไม่ได้รู้สึกว่ามันเสร้อ เสร่อ "เหมือนเพลงประกอบซีรี่ยส์เกาหลี" แต่พอผ่านรอบที่6-7เริ่มหันมาสนใจเนื้อหา เสียงร้องและการสื่ออารมณ์ก็ต้องขอยอมรับว่าเพลงนี้เป็นหนึ่งในบัลลาดที่ "ดีที่สุด" เท่าที่เจโลเคยทำมาอย่างที่น้องโฟร์ว่าจริงๆ เรื่องของเสียงอาจจะดูตลกสำหรับบางท่านแต่ถ้าวัดกันที่ศักยภาพการใช้เสียงของเจโลตั้งแต่อัลบั้มแรกนี่นับว่าใช้ลูกเล่นได้มีมิติขึ้นกว่าเดิมมาก - - แต่ก็แพ้อัลบั้ม Rebirth อยู่ดี - - การคุมเสียงทำได้ลื่นไหลขึ้นและอยู่หมัดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด (นับว่าเจโลใช้เสียงที่มีขอบเขตของเธอได้อย่างอิสระขึ้นโดยแท้) ที่สำคัญภาคเนื้อหาบริสุทธิ์สวยงามมากๆ Very Happy




8.The Verve : Lucky Man

ต้องขอบคุณผับฮาร์ดร็อคอย่างกาซีโบ รูฟและข้าวสารเซ็นเตอร์ ณ ถนนข้าวสารที่บรรดาศิลปินหยิบเพลงนี้ขึ้นมาคัฟเวอร์ให้ฟังบ่อยมากๆจนทำให้สนใจไปตามหามาฟัง - - นั่นปะไรส่วนตัวไม่ได้ติดตาม The Verve ก็เลยไม่รู้ว่าวงนี้มีเพลงน้ำดีอย่างเพลงนี้แหละอีกหลายๆเพลงที่ฟังแล้วตาเป็นประกายอยู่หลายเพลงทีเดียว - - สำหรับเพลงนี้ภาคเนื้อหานี่เป็นอะไรที่แบบว่าแทนชีวิตของแนสได้เลยทีเดียว จะยกย่องถึงขั้นเป็นหนึ่งใน Soundtrack Of Life ก็ย่อมได้ มีหลายจุดนะที่ด้อยกว่าหลายๆคนในสังคมนี้เรื่องชาติตระกูล ฐานะ การศึกษาแถมชีวิตยังไม่ค่อยจะมีความสุขแล้วก็ไม่ค่อยมีเรื่องดีๆมาให้ยิ้มออกสักเท่าไร ด้วยความที่ต้องสู้ตลอดก็เลยเหมือนกับถูกหล่อหลอมให้กลายเป็นคนแบบนี้แต่ก็มีกำลังใจและคิดว่าตัวเองโชคดีนะ...เพราะผ่านมันมาถึงจุดที่เชื่อว่าต่อไปอนาคตไม่ว่ามันจะเป็นแบบไหนจะออกหัวหรือก้อย "เราเดินฟันฝ่ามาขนาดนี้แล้ว เราต้องรอดสิ" - - ภูมิต้านทานที่ไม่เคยต้องการนี่แหละที่อาจจะทำให้แนสเป็นอะไรที่ค่อนข้างพิเศษในสายตาเพื่อนๆหลายคน...อย่างน้อยก็โชคดีที่ยิ้มได้สวยเสมอล่ะวะ




9.Lady Gaga : Black Jesus + Amen Fashion

นั่งคิดมานานพอสมควรสำหรับดิว่าคนสุดท้ายที่เลือกมาเป็นอันดับที่9ในคอลัมน์นี้ ตอนนี้คงไม่มีเพลงไหนที่จะทำให้ดิฉันประทับใจได้มากกว่าไป Black Jesus + Amen Fadhion ของเลดี้กาก้าที่เนื้อเพลงสามารถแทรกมุมมองของชีวิตที่อุทิศให้แก่แฟชั่นเป็นแรงบันดาลใจเข้ากับศรัทธาในพระผู้เป็นเจ้าที่จะทรงเมตตาบุตรของพระองค์ทุกๆคนไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเช่นไรก็ตามได้อย่างแยบคาย - - จะมีอะไรเหมาะกับดิฉันไปมากกว่าเพลงนี้อีกเล่า - - รวมถึงชอบความโต่งของเพลงที่หยิบเอาลูกเล่นของพ็อพ80มาทริบิวท์ได้อย่างจัดจ้านถึงแก่น คือแบบไม่มีใครกล้าย้อนไปทำแบบนี้ถึงขนาดเว่อร์ซะขนาดนี้อีกแล้ว...ให้ดาวหมดทั้งฟ้าเลย

ป.ล. ฟังแล้วคิดถึงมาดอนน่าสมัย True Blue





10. The Killers : All These Thing I've Done

อันดับสุดท้ายยกให้กับเพลงที่ส่วนตัวชอบที่สุดของวง The Killers ที่แม้ส่วนตัวจะเป็นขาจรวงนี้แต่เพลงนี้นี่เป็นอะไรที่แบบว่ากระแทกใจสุดๆตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้ฟัง แค่ท่อนแรกที่ว่า When There's Nowhere Else To Run Is There Room For One More Sun แค่นี้ก็แทนความเป็นคนแบบแนสทิน่าทั้งชีวิตได้ครบถ้วนทีเดียว...แน่นอนว่าเป็นหนึ่งในเพลงที่รักที่สุดในชีวิต


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com