˹���á Forward Magazine

ตอบ

(18+) Schmelzen : The Chain Of Genocide – – ตอนที่1/เทเรซ่า
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ (18+) Schmelzen : The Chain Of Genocide – – ตอนที่1/เทเรซ่า 


http://www.facebook.com/hysteriaculture

http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/08/23/18-schmelzen-the-chain-of-genocide

(18+) Schmelzen : The Chain Of Genocide – – ตอนที่1/เทเรซ่า นูมานน์

*ลิขสิทธิ์ของนิยายเรื่องนี้เป็นผลงานของนายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์เจ้าของเฟซบุ๊คส์ Http://www.facebook.com/armandvladjekylldangouleme และเจ้าของเพจ Http://www.facebook.com/hysteriaculture และเพจ EVAและเจ้าของบล็อค Http://hysteriaculture.wordpress.comแต่เพียงผู้เดียว/ ห้ามมิให้ผู้ใดดัดแปลง ลอกเลียน แอบอ้างหรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติเป็นอันขาด*

(ขออุทิศความตั้งใจทั้งหมดในการเขียนนิยายเรื่องนี้ให้แด่ดวงวิญญาณของผู้บริสุทธิ์ทุกท่านที่เสียชีวิตในค่ายกักกันของนาซีและทุกครอบครัวที่ได้รับผลกระทบจากห่วงโซ่ของเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในครั้งนี้ นิยายสยองขวัญเรื่องนี้คือตัวแทนแห่งจินตนาการของบ.ก.เพจHysteriaเพื่อยืนยันว่าโศกนาฏกรรมทั้งหมดจะไม่จบแค่เพียงเถ้าธุลีที่จางหายไปในอากาศ)

ทัณฑสถานหญิงAichach วันที่1 สิงหาคม 1967 เวลาเที่ยงคืน – – “…ดุจปักษาโผทะยานสู่นภา ดารารายเต็มท้องฟ้ารึจะเทียบค่า เอ๊ะ มันแปลกๆเนอะ!” เอลเซอ คอชนักโทษหญิงวัย60ปีกำลังนั่งตรวจทานบทกลอนที่เธอเพิ่งแต่งเสร็จหมาดพลางหัวเราะคิกคักกับวาทะศิลป์แปลกๆแปร่งๆเช่นเดิม เธอตั้งใจมอบบทกลอนนี้เป็นของขวัญให้ลูกชายที่มีกำหนดขอเยี่ยมเธอในวันรุ่งขึ้น ลูกชายที่เธอไม่มีโอกาสได้ใกล้ชิดเลี้ยงดูเท่าที่ใจเธอปรารถนาเว้นเสียแต่เพียงอุ้มท้องเขามาถึง9เดือนซึ่งนั่นเป็นเวลาที่ดีที่สุดระหว่างเธอกับเขาเพราะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอไม่รู้สึกว้าเหว่ เป็นครั้งสุดท้ายที่เธอรู้สึกอบอุ่นและสัมผัสได้ถึงรักแท้ที่มาจากข้างใน “ไม่มีแม่คนไหนที่หัวใจแตกสลายเมื่อให้กำเนิดลูก คงจะยกเว้นผู้หญิงคนนี้ไว้คนหนึ่งเพราะในวันที่ลูกเกิดคือวันที่ลูกถูกพรากจากอกแม่ไปตลอดชีวิต ไม่มีโอกาสแม้จะได้โอบกอด ไม่มีโอกาสแม้จะได้ลิ้มรสน้ำนมและไม่มีโอกาสที่จะได้รู้ว่าเอลเซอ คอชคือแม่ของลูก วันที่ลูกเกิดแม่ไม่ยอมสลบยอมทนเจ็บและลืมตาอยู่ตลอดเพื่อที่จะได้ดูใบหน้าของลูกชายแม่ให้นานที่สุดจนพวกเขาพรากลูกของแม่ไป แม่ขอบคุณนะที่ไม่เคยรังเกียจแม่ แม่ขอบคุณทุกยี่สิบนาทีที่เราใช้เวลาอยู่ด้วยกัน…หัวใจของแม่” เธอสะอึกสะอื้นระหว่างที่เขียนข้อความทิ้งท้ายใต้บทกลอน สำหรับเอลเซอแล้วเพียงแค่ยี่สิบนาทีแม้มันจะมากมายมหาศาลเกินจะเรียกร้องแต่ก็น้อยนิดเกินจะกล่าวทุกถ้อยคำให้ครบถ้วน

จู่ๆขนที่ด้านหลังของหญิงชราก็ลุกชันพร้อมกับกลิ่นเหม็นเน่าตลบอบอวนที่เธอคุ้นเคยเป็นอย่างดีเพียงแต่ในวันนี้มันทวีความรุนแรงมากขึ้นประดุจว่ามีใครเอากองของซากศพนับร้อยนับพันร่างมากองสุมไว้ในห้องขังเดี่ยวของเธอ “ยิว! ไสหัวไปเดี๋ยวนี้นะ” เอลเซอตวาดด้วยความคุ้มคลั่งเธอปิดจมูกและกลั้นหายใจโดยหวังจะหลีกหนีกลิ่นเหม็นคละคลุ้งอันสุดแสนจะน่าสะอิดสะเอียนนี้พลางหลับตาปี๋โดยไม่กล้าแม้แต่จะหันไปมองภาพของกลุ่มคนที่เคลื่อนไหวอยู่ข้างหลัง เสียงของสายฟ้าเริ่มคำรามขึ้นพร้อมกับเสียงร้องเพลงภาษาฮิบรูโหยหวนชวนขนลุกจากร่างของผู้หญิงในชุดคลุมผมมิดชิดทั้งวัยสาวและแก่ชราหน้าซีดเผือด เสียงหัวเราะของเด็กๆผสมปนเปกับเสียงตะโกนสาปแช่งและสวดสรรเสริญพระเจ้าของกลุ่มชายหญิงภายใต้ชุดลายทางขาวดำด้านหลัง

“B56370 ตามฉันมา!!!” เอลเซอถึงกับผงะเมื่อเธอได้ยินเสียงหวานๆทรงอำนาจที่คุ้นหูตัวเธอเองเป็นอย่างยิ่ง – – มันคือเสียงของตัวเธอเองที่บูเคนวาลด์เมื่อเกือบยี่สิบปีที่แล้ว – – “กล้าหน่อยสิท่านหญิงผู้สูงศักดิ์ โปรดลืมตาขึ้นมาดูว่าท่านได้ทำอะไรไว้ในอดีตบ้าง” แม้ว่าเธอจะพยายามควบคุมเปลือกตาให้ปิดสนิทแต่เอลเซอก็ไม่สามารถต้านทานเสียงเยียบเย็นเบาหวิวที่เชื่อมด้วยพิษร้ายที่กำลังกระซิบอย่างแผ่วเบาข้างรูหูเธอได้ เธอเบิกตาโพลงขึ้นมามองโคมไฟอันสวยงามตรงหน้าอันเป็นหนึ่งในสมบัติที่เธอเคยหวงแหนที่สุดกับลายสลักอันวิจิตรเป็นลวดลายโลมเลียเคียงคู่ฐานทองคำที่เธอตั้งใจอดตาหลับขับตานอนออกแบบเองเสียหลายคืนเช่นเดียวกับลายกุหลาบดำตรงม่านซึ่งเธอลงทุนเย็บเองกับมือโดยถ้าสังเกตดีๆจะเห็นพื้นผิวที่ขาวสะอาดนวลเนียนผิดสังเกตสลักเป็นถ้อยคำว่า “B56370″ และตัวเลขตัวอื่นๆโดยชัดเจน

เสียงพายุฝนที่โหมกระหน่ำทำสงครามกับเสียงฟ้าผ่ากึกก้องดังสนั่น เสียงหัวเราะ เสียงสาปแช่ง เสียงสวดภาวนาและร้องเพลงภาษาฮิบรูได้กลบเสียงกรีดร้องของเอลเซอ คอชในวัย60ปีไปเสียสนิทก่อนที่รุ่งเช้าทั่วทั้งเยอรมนีจะพูดถึงการทำอัตวินิตบาตกรรมของ “เอลเซอ คอช” อดีตราชินีแห่งค่ายกักกันบูเคนวาลด์สมัยยุคสงครามโลกครั้งที่สองที่ทุกคนเข้าใจว่าเธอตัดสินใจผูกคอตายเพื่อจบชีวิตในฐานะหนึ่งในอาชญากรช่วงยุคสงครามโลก,สัญลักษณ์อันโหดร้ายของนาซีและสตรีผู้ที่ได้รับการประณามว่าเป็นหนึ่งในสตรีที่อำมหิตที่สุดตลอดกาลของโลก

…หนทางข้างหน้ามันช่างห่างไกลออกไปและดูไม่มีที่สิ้นสุดเช่นเดียวกับความทุกข์ทรมานของฉันในตอนนี้ ในนี้มันช่างมืดมิด คับแคบและอึดอัด นี่มันเป็นเวลากว่าสามวันแล้วจริงๆเหรอที่ฉันต้องยืนอยู่บนรถไฟคันนี้โดยที่ไม่มีน้ำสักหยดมาให้ดื่มแก้กระหาย ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของขนมปังชิ้นเล็กๆตกมาถึงท้อง ตอนกลางวันบนรถคันนี้ก็สุดแสนจะร้อนระอุประดุจเตาอบในขณะที่ยามกลางคืนก็เย็นยะเยือกกรีดไปถึงขั้วหัวใจ เด็กผู้ชายที่ยืนอยู่ข้างหน้าฉันล้มลงไปแล้ว โอ้ ไม่นะ! พระผู้เป็นเจ้าของลูก ลูกกราบวิงวอนพระองค์ได้โปรดเมตตาชีวิตน้อยๆชีวิตนี้ด้วยเถิด ต้องไม่ใช่เขา มีหลายคนเหลือเกินที่จากไปตลอดการเดินทางสามวันสามคืนบนรถไฟนรกขบวนนี้

“เทเรซ่าๆ ลูกรัก ได้เวลาตื่นแล้วจ๊ะเดี๋ยวหนูจะไปโรงเรียนสายนะ” เวนิสเขย่าตัวลูกสาวอยู่นานสองนานหากแต่เธอหาได้รู้สึกตัวหรือมีปฏิกิริยาตอบสนองใดๆไม่ “เทเรซ่าๆ ไม่เอาน่าเทเรซ่าลุกขึ้นจากเตียงได้แล้วนะ!” เธอตวัดเสียงเข้มพลางเขย่าตัวเด็กสาวแรงขึ้นก่อนที่เทเรซ่าจะสะดุ้งสุดตัวพลางลุกขึ้นมานั่งหอบหายใจแฮ่กๆ แต่แทนที่ผู้เป็นแม่จะตกใจเวนิสกับยืนนิ่งแล้วจ้องมองใบหน้าซีดเผือดของลูกสาวด้วยความเป็นห่วงก่อนที่เธอจะเอ่ยปากถามเด็กสาวในอีก5นาทีถัดมา “ฝันถึงรถไฟขบวนนั้นอีกแล้วเหรอลูก?” เธอลูบผมสีน้ำตาลยาวสลวยของแก้วตาดวงใจที่อายุครบ17ปีบริบูรณ์ในวันนี้ “หนูฝันถึงรถไฟบ้านั่นตั้งแต่เด็กแล้วมันก็เหมือนกันทุกครั้งคือทรมาน น่ากลัวและอึดอัดจนหายใจไม่ออก เหมือนหนูกำลังจะตาย” เทเรซ่านั่งกอดเข่าด้วยความหัวเสียสุดจะทนกับความฝันอันน่ากลัวที่ตามหลอกหลอนเธอมาตั้งแต่จำความได้ก่อนที่ความอบอุ่นจะไหลอาบไปทั่วทั้งร่างเมื่อผู้เป็นแม่โผเข้ากอดเธอ “ไม่เป็นไรนะลูกรัก วันนี้เป็นวันพิเศษของลูกเราจะไม่พูดถึงเรื่องนี้กัน โอเคนะ…แฮปปี้เบิร์ธเดย์จ๊ะลูกรัก” เวนิสจูบหน้าผากลูกสาวก่อนจะยื่นกล่องของขวัญให้เทเรซ่า เธออดอมยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นลูกสาวของเธอรีบแกะกล่องของขวัญรับขวัญ17ปีชิ้นแรกด้วยความตื่นเต้นก่อนจะอ้าปากหวอเมื่อเห็นจี้ทองคำรูปผีเสื้อประดับด้วยคริสตัลสีสวยตรงกลาง มันเป็นจี้จากร้านอัญมณี Belle D’Festa ที่เธออยากได้มานาน “แม่เห็นหนูหยุดมองจี้เส้นนี้ทุกครั้งเวลาที่เราไปทานอาหารกันที่…” เธอหยุดพูดพลางลูบหัวลูกสาวด้วยความเอ็นดูเมื่อถูกสวมกอด “สวยมากๆเลยค่ะคุณแม่ ขอบคุณค่ะแม่ หนูรักแม่นะคะ”

ที่แฟรงค์เฟิร์ทวันนี้อากาศเย็นเหมือนกับวันเกิดในทุกๆปีของฉันนั่นแหละ ฉันดีใจจังที่ได้เกิดในฤดูหนาว ฉันชอบอากาศหนาวที่สุดเลยถึงแม้ว่ามันจะเยือกเย็นแต่ฉันก็สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นทุกครั้งเมื่อลมหนาวพัดมาปะทะกับใบหน้าแต่ก็ไม่แน่ใจนะว่าเป็นเพราะฉันเติบโตมาจากครอบครัวที่อบอุ่นรึเปล่าฉันถึงมีความสุขและมองโลกในแง่ดีอยู่เสมอ พ่อและแม่ของฉันคือสิ่งที่มีค่าที่สุดในชีวิตท่านทั้งสองคนสุดยอดมากๆจนฉันหาเหตุผลไม่ได้เลยที่จะไม่สวดภาวนาขอบคุณองค์พระผู้เป็นเจ้าในทุกยามเช้าและทุกค่ำคืน ฉันรอไม่ไหวเลยที่จะไปเยี่ยมคุณปู่ “โนเอล” ในวันหยุดสุดสัปดาห์นี้สงสัยจังว่าของขวัญวันเกิดของฉันปีนี้คุณปู่จะให้อะไรและเค้กฝีมือคุณย่ามาร์กาเร็ตที่ร้านเบเกอรี่ชื่อดังในแฟรงค์เฟิร์ทยังต้องมาขอซื้อสูตรปีนี้จะเป็นยังไงน้า

เทเรซ่าหยุดเขียนไดอารี่เมื่อเธอฉุกคิดถึงคุณย่าทวด “ฮิลเดอการ์ด” ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ5ปีที่แล้ว เธอไม่เคยเปิดเผยความรู้สึกนี้กับใครว่าเธอรู้สึกมีความสุขอย่างประหลาดในวันที่ย่าทวดของเธอเสียชีวิต ย่าทวดที่เธอไม่เคยรู้สึกมีสายใยหรือความผูกพันใดๆซึ่งฮิลเดอการ์ดเองก็คงจะรู้สึกแบบนั้นเช่นเดียวกันเพราะเท่าที่เทเรซ่าจำความได้ทุกครั้งย่าทวดมักจะมองเธอด้วยแววตาและสีหน้าเกลียดชังปนหวาดกลัวยิ่งไปกว่านั้นเราไม่เคยคุยกันสักประโยค “พ่อคะจอดตรงแยกนี้ก็ได้ค่ะ ยังมีเวลาอีกเกือบสี่สิบนาทีหนูอยากเข้าโบสถ์ขอบคุณนักบุญเทเรซ่าในเช้าวันเกิดเสียหน่อย”

เทเรซ่าเดินเข้าสู่ประตูโบสถ์ของเซนต์เทเรซ่าซึ่งใกล้กับโรงเรียนของเธอโดยใช้ระยะเวลาในการเดินทางเพียงไม่ถึง15นาที เธอหันไปยิ้มให้กับแสงอาทิตย์อ่อนๆส่องระเรื่อยามเช้าผ่านกระจกสีเป็นประกายระยิบระยับ กลิ่นกำยานหอมที่คุ้นเคยและบรรยากาศเงียบสงบยามเช้าของโบสถ์อันไร้ผู้คน เด็กสาวสวดขอพรต่อหน้าพระพักตร์ขององค์พระเยซูคริสต์บนไม้กางเขนก่อนจะเดินมาหยุดตรงหน้ารูปปั้นของนักบุญเทเรซ่าผู้เป็นนักบุญประจำตัวของเธอ เธอคุกเข่าตรงหน้ารูปปั้นพลางขอพรวันเกิดก่อนที่จะสะดุ้งสุดตัวเมื่อเสียงเพียโนตรงมุมห้องดังขึ้น

“ผมขอโทษด้วยครับไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะการขอพรขอคุณ” ชายหนุ่มหล่อเหลาหน้าตาคมเข้มหันมายิ้มให้เธอโดยที่เขายังไม่หยุดเล่นเพียโน เทเรซ่ารู้สึกเคลิบเคลิ้มไปกับเมโลดี้ที่ไพเราะชนิดที่เธอไม่เคยได้ยินจากที่ไหนมาก่อนในชีวิต “คุณเล่นเพลงของใครอยู่เหรอคะ? มันช่างเป็นบทเพลงที่ไพเราะจริงๆ” เทเรซ่าถามทันทีที่เสียงเพียโนหยุดลง “เพลงนี้เป็นเพลงอวยพรวันเกิดของชาวยิวตั้งแต่สมัยโบราณ ไม่ค่อยมีใครเล่นหลังจากสงครามโลกครั้งที่สองยกเว้นนักดนตรีเชื้อสายยิวจริงๆที่เหลือรอด ผมขอมอบให้คุณนะครับเทเรซ่า สุขสันต์วันเกิด” ชายหนุ่มยิ้มเมื่อเทเรซ่าสะดุ้งสุดตัวด้วยความไม่คาดคิดว่าเธอจะได้รับการอวยพรวันเกิดจากคนแปลกหน้าก่อนที่เขาจะยื่นกระเป๋าสตางค์ของเธอพร้อมบัตรนักเรียนให้ “คุณเกือบทำกระเป๋าสตางค์หายในวันเกิดอายุ17ปี” ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆอย่างมีเสน่ห์ “ขอบคุณมากๆค่ะ เอ่อ คุณ…” เด็กสาวใบหน้าร้อนผ่าว “ผมกิเดียน ไคล์น”

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ติดตามInterludeของเรื่องได้ที่นี่



ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Confused Confused Confused vever good
ทางเข้า gclub

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com