˹���á Forward Magazine

ตอบ

สุสานนักเรียน ตอนที่3 เล่ม2 (5-6)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ สุสานนักเรียน ตอนที่3 เล่ม2 (5-6) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

hysteria

สุสานนักเรียน ตอนที่3 เรื่องเล่าสยองขวัญจากห้องน้ำนักเรียนชายที่ถูกปิดตาย เล่ม2 (5-6)

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์ แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” ( http://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture)เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาต

“เข้ามาได้ค่ะ!” เสียงของมาลินดังขึ้นก่อนที่ประตูห้องพักคนไข้ของเธอจะเปิดออกพร้อมกับฐิตารีย์ที่เดินเข้ามา “ดิฉันได้ยินจากเด็กพวกนั้นว่าคุณประสบอุบัติเหตุเมื่อวานจนต้องแอดมิดอยู่ที่นี่เหมือนกัน ขอให้หายเร็วๆนะคะ” แม่ของกาโต้พูดพร้อมกับวางกระเช้านมพาสเจอร์ไรซ์ลงด้านข้าง “คงจะต้องใส่เฝือกแขนหลายสัปดาห์น่ะค่ะ แต่ดิฉันว่าคงไม่เป็นอะไรมากแล้วล่ะ เอ่อ ขอบคุณคุณแม่มากๆนะคะที่เป็นห่วง” มาลินตอบพร้อมกับรอยยิ้ม “ดิฉันต้องการขอความร่วมมือจากมิสค่ะ” ฐิตารีย์พูดกับมาลินอย่างตรงไปตรงมาก่อนจะวางซองสีน้ำตาลขนาดใหญ่ลงข้างๆหมอนของเธอ “นี่มันอะไรกันคะ?!!!” มาลินตกใจเมื่อเธอพบแบงค์พันเป็นฟ่อนเมื่อเปิดซองออกมา “ดิฉันขอให้มิสและมิสผกาช่วยปิดเรื่องการตรวจพบสารเสพย์ติดในตัวกาโต้ลูกชายของดิฉันให้สนิท ได้โปรดอย่ารายงานเรื่องนี้ต่อฝ่ายปกครองหรือคุณพ่ออธิการ” แม่ของกาโต้มองเธอด้วยสายตาวิงวอนขอความเห็นใจ “คุณแม่ไม่ต้องเป็นกังวลนะคะ ดิฉันเป็นครูประจำชั้นของกาโต้ดิฉันเป็นห่วงอนาคตของนักเรียนดิฉันพอๆกับที่คุณแม่ห่วงน้องเขาดิฉันไม่พูดเรื่องนี้ให้เขาโดนไล่ออกหรอกค่ะ” มาลินตอบพลางยัดซองสีน้ำตาลคืนที่มือของฐิตารีย์เบาๆ “ดิฉันแค่อยากให้มิสรับไว้เพื่อเป็นสินน้ำใจ” ฐิตารีย์ดื้อดึง “ดิฉันปกครองนักเรียนแบบแม่ปกครองลูกค่ะ ในฐานะคนเป็นแม่บางทีเรื่องเงินมันไม่สำคัญเท่าความรักลูกแบบบริสุทธิ์ใจหรอกดิฉันก็เคยเป็นแม่คนมาก่อน” มาลินตอบฐิตารีย์เบาๆก่อนที่เธอจะมองเข้าไปในดวงตาที่มีน้ำตาเอ่อคลอของผู้เป็นแม่ด้วยกัน “ได้เวลาอาหารกลางวันแล้วค่ะ” นางพยาบาลเปิดประตูเข้ามาแทรกการสนทนาของเธอทั้งสองคนกลางครัน “วันนี้พิภพมาทำงานรึเปล่าคะ?” มาลินหันไปถามพยาบาลก่อนที่จะเห็นหญิงสาวตะกุกตะกักไปเล็กน้อย “มีอะไรรึเปล่าคะ?” มาลินถาม “เอ่อ คือ คุณหมอพิภพท่าน เอ่อ คือ ท่าน…” นางพยาบาลเทน้ำลงแก้วโดยไม่สบตามาลิน “ทำไมคะ มีอะไรเกิดขึ้นกับพิภพเหรอคะ?!!!!” มาลินจ้องหน้านางพยาบาลเขม็งโดยที่เธอไม่สนใจจะแตะอาหารตรงหน้าแม้แต่นิดเดียว “คุณหมอเสียชีวิตแล้วค่ะ ทางเราพบศพของท่านเมื่อเช้าในห้องดับจิต ทางเรากำลังชันสูตรอยู่ค่ะ” นางพยาบาลรีบเดินออกจากห้องไปโดยทิ้งให้มาลินและฐิตารีย์นั่งตัวแข็งทื่ออยู่ในห้องเพียงสองคน “หมอพิภพตายแล้วเหรอ!!!” ฐิตารีย์ทวนคำในขณะที่มาลินดูเหมือนจะเสียความสามารถในการพูดไปชั่วขณะ

“เชี่ยโน่เมื่อวานมึงหายไปไหนมาวะ?” ฮาเวิร์ดหันไปถามบรูโน่ทันทีที่มิสผกาเดินออกจากห้องไปตอนนี้เธอกำลังเม้าท์มอยอยู่กับซิสเตอร์รจิตาที่กำลังจะเข้ามาคุมชั้นเรียนคณิตศาสตร์ซึ่งเป็นที่รู้กันสำหรับนักเรียนชั้นม.5/3นี้ว่าเป็น5นาทีทองที่จะหันหน้าจับกลุ่มคุยกันเร็วปรื๋อ ปั่นการบ้านช่วงโค้งสุดท้ายไม่ก็นั่งเช็คเฟซเช็คLineกันให้เต็มที่ก่อนที่สองชั่วโมงหฤโหดจะคืบหน้ามาถึง “เอ่อ คือกู กูไม่ค่อยสบายอ่ะ” บรูโน่หลบสายตา “เรื่องมึงกับพี่เว่อร์ใช่ป่ะ?” ฮาเวิร์ดหันมายิ้มยิงฟันถามเชิงล้อเลียนแต่บรูโน่ถึงกับเสียศูนย์ตกเก้าอี้ลงไปนั่งจำเบ้าที่พื้นเสียงดังสนั่นชนิดที่เล่นเอาทั้งห้องเงียบกริบ “สัส มึงเป็นไรมาป่าวเนี่ย?” ฮาเวิร์ดหัวเราะก่อนที่จะรีบประคองบรูโน่ขึ้นมานั่งบนโต๊ะ “กูๆขอโทษ กูไม่ได้ตั้งใจ กู กู” บรูโน่ลนลานแต่ฮาเวิร์ดรีบพูดขัด “พี่เว่อร์เขาบอกกูหมดแล้วเรื่องที่เขาจะจีบพี่มึงอ่ะ มึงนี่ก็พิลึกนะไอ้โน่เรื่องแค่นี้ก็ต้องปิดพวกกูด้วย เป็นเหี้ยอะไรมากป่ะ!” บรูโน่ถึงกับหน้าเหวอเมื่อเรื่องราวทั้งหมดไม่ได้เป็นไปตามที่เขาอุปทาน “เอ่อ พี่เว่อร์บอกมึงงั้นเหรอ?” บรูโน่พยายามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบแผ่วเบาและสีหน้าที่ดูงุนงงที่สุดเขาดีใจที่ได้เห็นรอยยิ้มของเพื่อนที่ดีที่สุดของเขายามพยักหน้าตอบรับ “ไอ้โน่มึงเป็นเพื่อนกูป่ะ? วันหลังมีอะไรไม่สบายใจมึงก็อย่าปิดกูอีก เคนะDude” ฮาเวิร์ดทุบหลังบรูโน่ดังอึ้กก่อนที่ซิสเตอร์รจิตาจะเดินเข้ามาในห้องพร้อมกับความเงียบสงัดที่แผ่คลุมห้อง5/3ยกชั้นทันที “นักเรียนเอาการบ้านเรื่องลำดับและอนุกรมมาวางที่โต๊ะเดี่ยวนี้!” เธอสั่งด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ “เชี่ยล่ะ!” ฮาเวิร์ดกับบรูโน่อุทานขึ้นพร้อมกัน

“Fuck!!! โคตรซวยเลยว่ะเมื่อคืนว่าจะขอลอกการบ้านเลขดีไซน์ซะหน่อยแต่กูเสือกลืมสนิทเลย” ฮาเวิร์ดบ่นพลางหอบแฮ่กๆระหว่างที่วิ่งวนรอบสนามบาสเป็นรอบที่5โดยที่มีบรูโน่วิ่งอุ้ยอ้ายตามมาติดๆ “ตั้งแต่มีไอโฟนมากูก็จดการบ้านไว้ในไอโฟนแต่กูเพิ่งขายไอโฟนไปเลยลืมสนิทเลยว่ะ!” บรูโน่ลืมตัวโพล่งออกมาทำเอาฮาเวิร์ดหยุดวิ่งแล้วหันมาถามบรูโน่ “อ้าว มึงขายไอโฟนมึงทำไมวะมึงรักโทรศัพท์มึงไม่ใช่เหรอ?” ฮาเวิร์ดหันมาถามด้วยความสงสัยทำเอาบรูโน่รีบหลบสายตา “Dude!!!!” ฮาเวิร์ดคว้าแขนบรูโน่ “แบบนี้มึงมีปัญหาอะไรแน่ๆ ทำไมมึงไม่บอกกู” ฮาเวิร์ดจ้องตาเพื่อนรักเขม็ง “ธุรกิจป๊ากูช่วงนี้ไม่ค่อยดีว่ะ” บรูโน่เสียงสั่นเครือ “พวกเธอสองคนวิ่งครบสิบรอบแล้วเหรอ?!!!!” ซิสเตอร์รจิตาที่เดินออกจากชั้นเรียนมาดูแผดเสียงลงมาจากชั้น7ทำเอาทั้งคู่ต้องรีบวิ่งต่อ “Bitch!!!” ฮาเวิร์ดสบถไล่หลังก่อนจะชวนบรูโน่วิ่งหลบเข้าไปในสวนหย่อมของโรงเรียนเมื่อซิสเตอร์เดินกลับเข้าชั้นเรียนไป “มันแย่ขนาดไหนวะ?” ฮาเวิร์ดถามบรูโน่ขณะเปิดน้ำล้างหน้า “สัปดาห์นี้ไม่รอดก็คงล้มละลาย” บรูโน่ทรุดตัวลงไปบนม้านั่งพลางก้มหน้าร้องไห้ทำเอาฮาเวิร์ดถึงกับทำอะไรไม่ถูกที่ได้เห็นเพื่อนรักคนที่ดูทะเล้นตลอดเวลาและเหมือนกับไม่เคยมีเรื่องสลดใดๆในหัวแต่วันนี้กลับมานั่งร้องไห้คร่ำครวญต่อหน้าเขาชนิดแทบจะขาดใจเป็นครั้งแรก “ยังไงกูก็เป็นเพื่อนมึงนะ กูไม่ทิ้งมึงหรอกนะโว้ย” ฮาเวิร์ดนั่งลงข้างๆบรูโน่พลางโอบไหล่ ก่อนที่จะสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงของบาทหลวงจรัลดังขึ้น

“ลูกสองคนมาทำอะไรตรงนี้ทำไมถึงไม่อยู่ในชั้นเรียน?” บาทหลวงจรัลเดินมาพร้อมกับซิสเตอร์เวโรนิก้าและชายหญิงท่าทางภูมิฐานคู่หนึ่งซึ่งดูเหมือนว่าเขากำลังสนอกสนใจบรูโน่อยู่ไม่น้อย “บรูโน่เป็นอะไรลูก? ร้องไห้ทำไม? บอกพ่อมาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น” บาทหลวงจรัลรีบนั่งลงข้างๆบรูโน่ “พ่อขอคุยกับบรูโน่เป็นการส่วนตัวหน่อยนะลูก ซิสเตอร์เวโรนิก้าพ่อฝากซิสเตอร์ช่วยรับรองมิสเตอร์ลีและคุณอัจอราวดีด้วย” บาทหลวงจรัลเงยหน้าขึ้นพูดกับฮาเวิร์ดและซิสเตอร์เวโรนิก้า “ได้ค่ะคุณพ่อ ฮาเวิร์ดมากับซิสเตอร์มาเรามาพาผู้ปกครองของเพื่อนเยี่ยมชมโรงเรียนกัน” ฮาเวิร์ดรีบลุกแล้วเดินตามซิสเตอร์เวโรนิก้าไปอย่างว่าง่ายแต่เขาก็ยังอดหันกลับมามองบรูโน่ด้วยความเป็นห่วงไม่ได้

“เอ่อ คุณพ่อคุณแม่คะนี่ฮาเวิร์ดนักเรียนห้องม.5/3ห้องเดียวกันกับ อ้าว มาพอดีเลยหนูอารึมจ้ะ อารึมมานี่มา มาทำความรู้จักกับเพื่อนห้องเดียวกันนี่ฮาเวิร์ด” ซิสเตอร์เวโรนิก้าแนะนำฮาเวิร์ดกับเด็กสาวในชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนไฮสคูลจากประเทศเกาหลีในสายตาของฮาเวิร์ดเขาประทับใจในเรือนผมดำขลับยาวสลวยของเธอที่ตัดกับผิวที่ขาวสว่างนวลเนียนประดุจทอแสงออกมาจากภายในและใบหน้าที่ดูเจิดจรัสงดงามไม่แพ้ดีไซน์ “อันยองฮาเซโย ลีอารึมค่า” เธอโค้งคำนับให้ฮาเวิร์ดที่รีบโค้งคำนับกลับพลางคำนับคุณพ่อคุณแม่ของเด็กสาวด้วย “นี่อารึมจ้ะ อารึมย้ายจากเกาหลีมาเรียนที่นี่และนี่ฮาเวิร์ดเป็นนักกีฬาโรงเรียนอยู่ห้องม.5/3ห้องเดียวกันนะ” ซิสเตอร์เวโรนิก้าแนะนำ “ว่าแต่อารึมชอบที่นี่มั้ยลูก โอเคมั้ยคะ?” อัจฉราวดีหยั่งเชิงถามลูกสาวด้วยเสียงสั่นๆ “ชอบสิคะคุณแม่หนูตกลงจะเรียนที่นี่แหละค่ะ ที่นี่สวยดี แถมโรงเรียนก็กว้างทันสมัยอีกต่างหากหนูอยากจะเรียนตั้งแต่วันนี้เลยแหละค่ะ” อารึมหันมากอดคุณแม่ของเธอพลางตอบเสียงใส “จริงเหรอลูก?” มิสเตอร์ลีหันไปถามลูกสาวด้วยน้ำเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความยินดี “ถ้าอารึมอยากเริ่มเรียนตั้งแต่วันนี้ซิสเตอร์ว่าคุณพ่อท่านคงอนุญาติเป็นกรณีพิเศษนะแล้วเรื่องของยูนิฟอร์มก็ใส่ตัวนี้มาเรียนไปก่อนเพราะกว่าจะสั่งล็อตใหม่มาได้ก็คงสัปดาห์หน้า” ซิสเตอร์เวโรนิก้าดูเหมือนจะยินดีพอๆกับผู้ปกครองของอารึมชนิดที้ทำเอาฮาเวิร์ดประหลาดใจ

“ดีจังเลยนะครับที่คุณพ่อจรัลอนุญาติให้อารึมเริ่มเรียนได้เลยจะได้พาขึ้นไปรู้จักเพื่อนๆที่ห้อง เราเข้าแถวกันทุกเช้าตรงนี้นะครับแล้วก็เหลือเวลาเรียนอีกสองคาบกว่าจะพักกลางวันถ้าไม่รังเกียจยังไงวันนี้ทานข้าวด้วยกันนะครับ” ฮาเวิร์ดชวนในขณะที่อารึมดูเหมือนจะตื่นเต้นและกระตือรือร้นเป็นพิเศษ “รอนานมั้ยลูกๆ ไปๆเดี๋ยวซิสเตอร์จะพาอารึมขึ้นไปแนะนำเพื่อนๆในห้องนะ” เธอเดินกลับมาหลังจากที่ส่งผู้ปกครองของอารึมเสร็จเรียบร้อย “ซิสเตอร์รจิตาท่านไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเท่าไรน่ะลูก” เธอหันมากระซิบอารึมที่ได้แต่อมยิ้มตอบก่อนที่ทั้งสามคนจะหยุดชะงักกับภาพของซิสเตอร์สากุลวดีที่ปรากฏตรงหน้า “สวัสดีค่ะซิสเตอร์” อารึมยกมือไหว้ด้วยกิริยาอันแสนนอบน้อม “นักเรียนใหม่หรือเรา?” สากุลวดีรับไหว้พลางถามห้วนๆ “ใช่ค่ะ ซิสเตอร์สากุลวดีนี่อารึมเพิ่งย้ายมาจากเกาหลีจะมาเรียนห้องม.5/3และคงต้องขออนุญาติให้อารึมใส่ชุดยูนิฟอร์มของโรงเรียนเดิมตลอดสัปดาห์นี้มาเรียนเพราะทางเราผลิตยูนิฟอร์มนักเรียนไม่ทันซิสเตอร์จะได้ไม่เข้าใจผิดๆจนเอาเด็กไปลงโทษผิดๆอีกยังไงคะ” ซิสเตอร์เวโรนิก้าประจันหน้ากับสากุลวดีด้วยท่าทีและน้ำเสียงที่เย็นชาแบบที่ฮาเวิร์ดไม่เคยเห็นมาก่อน “ฉันก็ยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนี่ ปิยะวดี!!!” สากุลวดีอุทานดูเหมือนเธอจะช็อคไปชั่วขณะเมื่อเห็นเลวรำพึงในชุดหนังรัดรูปสีดำแหวกอกจนถึงสะดือเดินตรงเข้ามา “ตาเถร! มิสแมวคะทำไมแต่งตัวแบบนี้คะ?” ซิสเตอร์เวโรนิก้ายืนตาค้าง “เผอิญไปธุระมานิดหน่อยน่ะค่ะเดี๋ยวแมวค่อยส่งใบลานะคะ” เลวรำพึงตอบด้วยน้ำเสียงราบรื่นปกติพลางจ้องหน้าสากุลวดีอย่างไม่สะทกสะท้าน “มิสแต่งตัวเปรี้ยวจังครับ” ฮาเวิร์ดแซวในขณะที่เลวรำพึงยิ้มตอบ “ถึงเราจะเป็นครูเราแต่ก็ต้องแซ่บนะฮาเวิร์ด มิสใส่ชุดนี้ไปปราบผู้ร้ายมาใช่มั้ยคะซิสเตอร์สากุลวดี” เธอเน้นเสียงยียวนกวนประสาทใส่สากุลวดีก่อนที่ซิสเตอร์เวโรนิก้าจะขอตัวพาฮาเวิร์ดกับอารึมขึ้นไปบนห้องเรียน “ไม่ยักรู้นะคะว่างานอดิเรกของผู้รับใช้ศาสนจักรมากว่าสามสิบปีคือการสะสมของสงวน” เลวรำพึงยิ้มเยาะ “เธอพูดถึงเรื่องอะไรไม่ทราบ?” สากุลวดีตีสีหน้านิ่งเฉย “อีกไม่นานพระเจ้าก็จะประทานคำตอบให้มึงเองนั่นแหละ!!!” เลวรำพึงเก็บความเคียดแค้นทั้งหมดไว้ในใจก่อนที่จะหันหลังเดินกลับไปที่หอพักซิสเตอร์ในขณะที่สากุลวดีรีบเดินกลับเข้าห้องฝ่ายปกครองเพื่อต่อสายหาศาสนจักรของเธอ

ตอนนี้ทั้งห้องม.5/3ดูเหมือนจะตื่นเต้นกับสมาชิกใหม่ของห้องอย่างอารึมมากๆด้วยความน่ารักสดใส ขี้อายนิดๆ บุคลิกดีและที่สำคัญสวยทำให้อารึมมีเสน่ห์มัดใจทั้งเพื่อนๆรวมถึงซิสเตอร์ในห้องเป็นอย่างมาก “คำถามแรกอารึมมีแฟนรึยังคร้าบ?” คริสมาสต์ชูมือพลางกระโดดเหยงๆทำเอาแอนดี้หัวเราะลั่น “คริสมาสต์!!!!” รจิตาเอ็ด “ยังไม่มีค่ะคุณพ่อคุณแม่เข้มงวดมากๆ” อารึมตอบอายๆ “ดีแล้วล่ะลูกตอนนี้ตั้งใจเรียนไปก่อนแต่ถ้าจะมีซิสเตอร์ก็ไม่ว่านะแต่ไปหาห้องอื่น ห้องนี้หามาทำยาดีๆไม่มีสักตัวเชื่อซิสเตอร์เถอะ” รจิตาแทรกทำเอาเด็กผู้หญิงในห้องประสานเสียงตบมือกันดังสนั่น “คำถามที่สองมาเป็นเชียร์ลีดเดอร์มั้ยอารึม?” ดีไซน์รีบชวน “อุ๊ย! จริงเหรอคะ? คืออยากเป็นเชียร์ลีดเดอร์มาตลอดเลยแต่ไม่เคยเต้นเลยนะ” อารึมมีท่าทีกระตือรือร้นมากๆเมื่อได้รับคำชวน “ไม่เป็นไรๆพวกเราจะช่วยเทรนด์ ดูท่าทางแล้วไม่เกินสัปดาห์เต้นเป็นแน่คอนเฟิร์ม” กุ๊ยฉ่ายเสริม “เอาล่ะๆเริ่มเรียนต่อได้แล้ว เดี๋ยวอารึมไปนั่งข้างๆดีไซน์นะลูกตรงเก้าอี้ที่ว่างนั่นแหละ” รจิตาเข้ามาโอบไหล่ “ได้ค่ะซิสเตอร์แต่หนูขออนุญาติไปห้องน้ำก่อนนะคะ” อารึมกระซิบ

อารึมเดินออกมาจากห้องน้ำด้วยรอยยิ้มและสีหน้าเปี่ยมสุขเธอรู้สึกประทับใจเซนต์มาบุสแห่งนี้เป็นอย่างยิ่งรวมถึงเธอดีใจที่สามารถเข้ากับเพื่อนๆในห้องได้ดีตั้งแต่วันแรกเธอผละจากอ่างล้างมือตรงไปยังประตูเพื่อที่จะกลับห้องเรียนแต่แล้วเธอก็ถูกดันจนเซไปชนกับขอบอ่างล้างหน้า “หลีกสิเว้ยอีนี่!” นักเรียนหญิงร่างใหญ่ผมซอยสั้นท่าทางคล้ายทอมเดินเข้ามาในห้องน้ำด้วยท่าทางไม่สบอารมณ์ “เดี่ยว!!!” เธอตะโกนเรียกอารมณ์ที่กำลังก้มหน้าก้มตาจะเดินออกนอกห้องน้ำ “เด็กใหม่เหรอ? เรียนชั้นอะไร?” เธอจุดบุหรี่สูบ “ม.5ค่ะ ห้อง5/3″ อารึมตัวสั่นเทิ้ม เธอตอบเด็กผู้หญิงคนนั้นโดยที่ยังคงไม่หันหลังกลับไป “กูถามว่าเป็นเด็กใหม่เหรอ?” นักเรียนหญิงคนนั้นกระชากแขนอารึมอย่างแรงก่อนจะเบิ๊ดกะโหลกเธอ

“ค่ะ ใช่ค่ะเพิ่งมาจากเกาหลีค่ะ” อารึมก้มหน้า “ดีกูก็เรียนม.5อยู่ห้องสอง กูแรงนะ! กูคุมที่นี่ มึงเจอหน้ากูมึงต้องไหว้และเอาตังค์ให้กูด้วยวันละร้อย ถ้ามึงอยากเรียนที่นี่แล้วถ้ามึงฟ้องมิสหรือซิสเตอร์มึงกลับบ้านไม่ได้แน่ เข้าใจป่าว?!!!” เด็กหญิงคนนั้นตะคอก “ค่ะพี่” อารึมตอบก่อนจะลนลานรีบวิ่งออกจากห้องน้ำไป “แม่งโคตรติ่มเลยว่ะ ขู่นิดขู่หน่อยกลัวจนตัวสั่นพวกลูกคุณหนู” เด็กสาวคนนั้นหัวเราะพลางเดินเข้าไปห้องน้ำ “แต่แม่งก็สวยดีนะแบบนี้ถ้าขู่ให้เป็นแฟนมันก็คงไม่กล้าหือ ฮึฮึ” เธอหย่อนก้นลงบนชักโครกพลางเปิดเพลงในไอพอดฟังอย่างสบายอารมณ์โดยหารู้ไม่ว่ากลอนด้านนอกห้องน้ำที่เธอเข้าได้ถูกเลื่อนล็อคอย่างช้าๆก่อนที่เด็กสาวคนนั้นจะกรีดร้องโหยหวนด้วยความปวดแสบปวดร้อนเมื่อถูกน้ำยาบางอย่างเทรดหัวเธอจนอาบท่วมทั้งตัวเธอลงไปนอนดิ้นพราดๆบนพื้นก่อนพยายามจะลุกขึ้นมาเปิดประตูร้องเรียกให้คนช่วยแต่ก็ไม่สามารถเปิดออกได้ อารึมเดินออกมาจากห้องน้ำห้องข้างๆก่อนจะโยนขวดน้ำยาล้างห้องน้ำที่เธอเพิ่งจะใช้เทราดหัวเพื่อนห้องม.5/2ผู้ที่แนะนำตัวกับเธอเป็นการส่วนตัวได้อย่างน่าประทับใจลงบนพื้นก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องน้ำกลับสู่ชั้นเรียนห้องม.5/3ด้วยรอยยิ้มที่โหดเหี้ยมและเย็นยะเยือกผิดจากรอยยิ้มสดใสและอบอุ่นที่เธอแสดงออกต่อหน้าซิสเตอร์และเพื่อนๆเมื่อตอนก่อนหน้านี้โดยสิ้นเชิง


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
ซิสเตอร์สากุลวดีเดินวนไปวนมาอยู่ในห้องนานนับชั่วโมงในใจของเธออัดแน่นไปด้วยความรู้สึกกระวนกระวายจากการที่ไม่สามารถติดต่อเก่ง,บาทหลวงปิยะทัยและกิมช้วนได้ เธอรู้สึกหวาดกลัวที่เลวรำพึงยังมีชีวิตรอดกลับมาได้แถมยังพูดกับเธอเป็นนัยๆเหมือนกับว่ามันได้รู้อะไรบางอย่างเกี่ยวกับศาสนจักรเป็นที่เรียบร้อยซึ่งถ้าหากความลับนี้ได้รั่วไหลออกไปถึงหูของบรรดาคนในโรงเรียนเซนต์มาบุสตลอดจนเจ้าหน้าที่ตำรวจเธอเกรงว่าศาสนจักรของเธอต้องเผชิญหน้ากับหายนะอันใหญ่หลวงอย่างแน่นอน

“ว่าไงคมกฤษณ์ส่งคนไปตรวจสอบที่เคหะร้างของศาสนจักรเราได้ความว่ายังไงบ้าง?” สากุลวดีรับโทรศัพท์ของบาทหลวงคมกฤษณ์ด้วยน้ำเสียงที่ร้อนรนและแหบกร้านประหนึ่งว่าสติกำลังจะหลุดลอยออกจากการควบคุม “คมกฤษณ์!!!!” สากุลวดีตะคอกหลังจากที่ปลายสายนิ่งเงียบสนิทประหนึ่งว่ากำลังชั่งใจในการที่จะรายงานว่าสิ่งที่เธอกลัวอยู่ในใจมันได้กลายเป็นความจริง “ตายหมดทั้งสามคนเลยครับ ตอนนี้ผมให้คนของเราเดินตรวจให้ทั่วบริเวณเคหะและตึกร้างทุกหลังแต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีความผิดปกติอะไร” สากุลวดีวางสายก่อนจะค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้เธอตัวสั่นเทิ้มด้วยเพลิงโทสะที่กำลังถาโถมเช่นเดียวกับความเคียดแค้นชิงชังในใจที่เธอมีต่อเลวรำพึงได้พัดโหมกระหน่ำเป็นทวีคูณ “ฉันประเมินแกต่ำไป ฉันคิดว่าแกมันก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง แกๆๆๆทำไมแกถึงไม่ตาย ทำไมแกไม่ตาย ทำไมแกไม่ตาย!!!!!!” เธอลุกขึ้นมาปัดข้าวของบนโต๊ะเสียจนกระเจิงพลางกรีดร้องด้วยอารมณ์คลุ้มคลั่งจากเพลิงโทสะที่ปะทุออกมาอย่างรุนแรง

“ซิสเตอร์ๆๆเป็นอะไรไปคะ?” ภารโรงที่กำลังทำความสะอาดอยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาดูเพราะเสียงกรีดร้องดังสนั่นหวั่นไหวของสากุลวดี “ว๊ายยย!!!” เธอกรีดเสียงร้องเมื่อสากุลวดีเขวี้ยงโหลใส่ปากกาขนาดใหญ่เข้าที่หัวของเธออย่างจังจนเลือดไหลอาบ “อีสัตว์ ไม่ต้องเสือก!!!! ใครให้มึงเข้ามา ออกไป ออกไป!!!!” เธอคว้ากระติกน้ำร้อนแล้วขว้างใส่ภารโรงที่หลบได้อย่างหวุดหวิดก่อนที่มันจะกระแทกกับกำแพงด้านหลังจนยับเยินไม่มีชิ้นดี เธอกระแทกประตูปิดไล่หลังภารโรงที่วิ่งหนีไม่คิดชีวิตก่อนที่ความรู้สึกกลัวจับใจว่าเลวรำพึงอาจจะรู้ความลับของเคหะร้างนั้นทั้งหมดแล้วได้ค่อยๆแทนที่เข้ามาแทนความโกรธ

“เอ้า ไอ้สัตว์มึงรีบๆเลือกสิวะ ลีลาจัง แทงสูงแทงต่ำ?” โอลิเวอร์หันไปตะคอกเพื่อนร่วมห้องที่กำลังลังเลขณะนี้เขากำลังเป็นเจ้ามือในวงพนันไฮโลจากแอ็พที่โหลดมาในไอโฟนซึ่งนอกจากจะไม่มีครูคนไหนสงสัยหรือจับได้แล้วยังเป็นอีกหนึ่งช่องทางที่ทำให้เขาสร้างรายได้ได้เป็นกอบเป็นกำอีกต่างหาก “เออ ไอ้เหี้ยต่ำก็ต่ำ ไหนๆ โถ่ ไอ้เวอร์ ควย!!! มึงจะเร่งกูหาแม่มึงเหรอไอ้สัตว์กูหมดตูดแล้วเนี่ย!!!” โอลิเวอร์หัวเราะก๊ากที่เห็นเพื่อนเขายอมควักแบงค์ห้าร้อยใบสุดท้ายยื่นมาให้เขาด้วยความจำใจ “หมดตูดก็เรื่องของมึงสิวะไอ้คิมเดี๋ยวพรุ่งนี้มึงได้เงินพ่อมึงมาก็ค่อยมาแก้มือไง…ไอ้เหี้ยเอ๊ยโทรมาหาพ่อมึงเหรอวะ? ครับป๋า” โอลิเวอร์รับโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลต่างจากประโยคที่เขาสบถตอนแรกโดยสิ้นเชิง “โอลิเวอร์ๆ เมื่อคืนป๋าโทรไปทำไมไม่รับสาย? รู้มั้ยว่าพ่อแม่อีเด็กหลินนั่นมันไปแจ้งความไว้แล้วจะทำยังไงดี?!!!” โอลิเวอร์รีบลุกเดินออกไปนอกห้อง “เมื่อคืนผมพาไอ้คนที่เราจ้างเอาก้อนหินไปขว้างบ้านไอ้หลินไปเลี้ยงเหล้ามา ป๋าไม่ต้องตกใจครับทำเฉยๆไว้แจ้งความก็แค่ลงบันทึกประจำวันมันไม่เห็นเราจังๆไม่มีหลักฐานก็มาจับอะไรเราไม่ได้หรอกน่า ป๋าชาติเชื่อมือผมสิระดับนี้ไม่ถึงตัวเราสองคนหรอก” โอลิเวอร์พูดอย่างสบายอารมณ์ “ป๋าก็เชื่อมือเราแต่ถ้ามันเช็คกล้องวงจรปิดล่ะ!” สุชาติพูดย้ำคิดย้ำทำวนไปวนมาจนโอลิเวอร์รำคาญ “ป๋าครับผมกำชับให้มันใส่หมวกกันน็อคไว้ตลอดถึงกล้องจับก็ไม่มีทางรู้ตัวหรอกหรือถ้าป๋ากลัวก็ออกมอเตอร์ไซค์ใหม่ให้มันสักคันแล้วเอาคันเก่าไปจอดทิ้งที่ไหนก็ได้ไกลๆแค่นี้ก็มาไม่ถึงตัวพวกเราแล้วครับ” ดูเหมือนจะเป็นอีกครั้งที่แผนการของโอลิเว่อร์ถูกใจนายแพทย์หนุ่มเพราะเขาดูเหมือนจะสงบสติอารมณ์และความกังวลลงไปได้พลางเอ่ยปากชมโอลิเว่อร์ไม่ขาดปาก “ครับป๋า อย่าลืมกินยานะครับจะได้ลดความกังวลลงไปแล้วเดี๋ยวไม่แน่เย็นนี้ผมจะไปเยี่ยมกาโต้ด้วยน้องเขาจะได้ไม่เหงา” โอลิเวอร์พูดก่อนวางสาย

แอนดี้กับคริสมาสต์เดินกลับมาสมทบที่โต๊ะอาหารหลังจากที่ทั้งสองได้อาสาไปซื้อน้ำมาให้เพื่อนๆซึ่งขณะนี้กำลังนั่งอยู่ในโรงอาหารพร้อมรอกระดิ่งบอกสัญญาณคาบกิจกรรมกีฬาสีอยู่ ฟารีดาที่ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าจะลืมความกังวลที่ต้องจับไมค์พูดต่อหน้าพี่น้องโรงเรียนเซนต์มาบุสที่อยู่สีแดงตั้งแต่ชั้นม.1ยันม.6ในฐานะประธานสีไปเสียหมดสิ้นแล้วกำลังนั่งหัวเราะอยู่ข้างๆอารึมที่ตอนนี้ดูเหมือนจะเป็นศูนย์กลางความสนใจของทั้งกลุ่มเขาเลยทีเดียว โดยส่วนตัวแอนดี้ดีใจที่กลุ่มของเขาได้มีอารึมเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่เช่นเดียวกับที่เขาดีใจที่ได้ดีไซน์ดูสดชื่นขึ้นเป็นครั้งแรกหลังจากที่เธอได้เสียฮโยมินเพื่อนสนิทไปก็แน่ล่ะสิด้วยความที่อารึมกับฮโยมินมีอะไรที่คล้ายๆกันหลายอย่างในตัวตั้งแต่เป็นลูกครึ่งไทย-เกาหลีเหมือนกันไปจนถึงมีเคมีที่ดูเหมือนจะตรงกับดีไซน์พอๆกันเพราะสังเกตจากเวลาที่ทั้งคู่คุยกันแล้วดูเหมือนจะรับส่งกันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ยไม่ต่างอะไรจากเวลาที่เขาได้เคยเห็นดีไซน์คุยกับฮโยมินเพียงแต่สำหรับเขาแล้วอารึมจะดูเรียบร้อยและขี้อายกว่าฮโยมินมากแถมยังดูไม่ค่อยมั่นใจและยังไม่ทันคนเท่าซึ่งในฐานะเด็กลูกครึ่งเหมือนๆกันแล้วแอนดี้ยินดีเป็นอย่างยิ่งทีเดียวที่จะคอยช่วยแนะนำการใช้ชีวิตในประเทศไทยให้เพื่อนใหม่คนนี้ “เหลือเวลาอีก5นาทีไปเตรียมตัวกันดีกว่า” ดีไซน์ชวนเพื่อนๆให้ลุกขึ้นไปที่บริเวณสนามบาสซึ่งเป็นจุดนับประชุมในปีนี้ของคณะสีแดง “เฮ้ย!!! อีหนิงมึงไปโดนอะไรมาวะ?!!!” ฟารีดารีบวิ่งเข้าไปดูเพื่อนสนิทของเธอที่อยู่ห้องม.5/2แอนดี้จำเด็กผู้หญิงร่างอ้วนท้วมลักษณะคล้ายทอมคนนี้ได้ดีเธอเป็นคนแซวเขาคนแรกในวันเปิดเทอม เธอชอบตั้งแก๊งค์อยู่บริเวณเสาต้นใหญ่ๆที่โรงพละซึ่งฟารีดาก็มักจะแวะคุยกับเธอบ่อยๆเวลาเดินผ่านซึ่งหลังจากที่เธอรู้ว่าเขาเป็นเพื่อนสนิทกับฟารีดา ดีไซน์และฮาเวิร์ดเธอก็ไม่กล้าแซวเขาอีกเลยตลอดเดือนสองเดือนที่ผ่านมา แม้ว่าแอนดี้จะรู้สึกไม่ค่อยถูกชะตากับเธอแต่ก็อดสงสารกับสภาพของเธอตอนนี้ที่ต้องโกนศรีษะพร้อมกับใบหน้าที่แดงก่ำและมีแผลพุพองเป็นบริเวณกว้างไล่ลงมาถึงบริเวณลำคอและช่วงแขน “กูโดนใครก็ไม่รู้แกล้งเอาน้ำยาล้างห้องน้ำราดหัวตอนขี้อยู่ว่ะ กูแพ้น้ำยาด้วยมึงโคตรซวยเลยแม่งกัดหน้ากัดหัวกูเหวอะเลยเนี่ยดีนะป้าภารโรงมาช่วยทันไม่งั้นกูตาบอดแน่ๆ” หนิงร้องไห้ระหว่างที่ฟารีดากอดปลอบเพื่อนรัก “แล้วทำไมมึงไม่กลับบ้านไปวะ น่าจะไปรักษาตัวก่อน?” ดีไซน์ถามด้วยน้ำเสียงที่พยายามจะหยอดความเห็นใจลงไปให้มากที่สุดซึ่งแอนดี้รู้ดีว่าดีไซน์กับหนิงไม่ค่อยถูกชะตากันมาตั้งแต่ช่วงม.ต้นแล้ว “กูห่วงสีว่ะ ปีนี้กูเป็นแม่สีด้วย มึงดูสภาพกูสิฟารีดาพองไปทั้งหน้าแบบนี้กูจะพูดหน้าที่ประชุมยังไงวะ?” หนิงสะอึกสะอื้น “คนทำนี่ใจร้ายจริงๆ” อารึมพูดขึ้นด้วยอารมณ์เดือดดาลทำให้ฟารีดารีบหันมาแนะนำเพื่อนในกลุ่มคนใหม่ให้หนิงรู้จัก “เออ หนิงนี่อารึมเพื่อนใหม่ห้องกูเพิ่งย้ายมาจากเกาหลี อารึมนี่หนิงนะเป็นเพื่อนสนิทเรามาตั้งแต่ม.1เลย” ฟารีดาแนะนำในขณะที่อารึมโค้งคำนับ “อันยองฮาเซโย ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” ทำเอาหนิงถึงกับอ้าปากค้าง “เธอคนที่เราเจอในห้องน้ำนี่!” หนิงชี้หน้า “จำผิดแล้วค่ะตั้งแต่มาอารึมยังไม่เคยเจอเพื่อนห้องอื่นเลยเพิ่งจะมารู้จักก็หนิงคนแรกนี่แหละ” อารึมหัวเราะแฮะๆด้วยสีหน้าแบ๊วๆเป็นธรรมชาติในขณะที่หนิงเริ่มระแคะระคายแล้วว่าเรื่องที่เกิดกับเธอทั้งหมดนี้อาจจะเป็นฝีมือของอารึมเธอจ้องหน้าอารึมเขม็งด้วยความแค้นในขณะที่อารึมตอบกลับด้วยรอยยิ้มอันเปี่ยมไมตรีจิตที่ไม่สะทกสะท้านใดๆซึ่งดูเหมือนว่าจะไม่มีใครในบริเวณนั้นสังเกตได้ถึงความผิดปกตินี้เลย “เออๆเดี๋ยวพวกกูรีบไปประชุมสีก่อนไว้กูโทรหานะ ดูแลตัวเองดีๆนะมึง” ฟารีดากอดลาเพื่อนก่อนจะรีบเร่งฝีเท้าตามพวกดีไซน์ที่เดินนำล่วงหน้าไป “เอ่อ หายเร็วๆนะคะหนิง” อารึมที่ยืนอยู่กับหนิงสองต่อสองบอกลาก่อนจะรีบเดินตามฟารีดาไป เธอทิ้งท้ายใส่หนิงด้วยการหันมามอบรอยยิ้มเชิงยิ้มเยาะอันสุดแสนจะเลือดเย็นและแววตาที่เหี้ยมเกรียมดุดันใส่หนิงซึ่งต่างจากตอนที่ยืนอยู่ต่อหน้ากลุ่มเพื่อนของเธอโดยสิ้นเชิงซึ่งทำให้หนิงแน่ใจแล้วว่าคนที่ลอบกัดเธออย่างเจ็บแสบได้ยืนอยู่ตรงหน้าเธอแล้ว

มาลินนอนซึมอยู่ในห้องพักผู้ป่วยของเธอ ผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่าที่ครูสาวนอนนิ่งสนิทพลางทอดถอนใจมองออกไปยังนอกหน้าต่างที่สีของท้องฟ้าค่อยๆจืดจางลงตามความร้อนแรงของแสงตะวันหากแต่น้ำตาของเธอยังคงไม่เหือดแห้งไปแม้แต่นิดเดียวหลังจากทราบข่าวสะเทือนใจของพิภพ “เป็นฝีมือของเธอสินะ!” เสียงแหบแห้งโรยแรงแทบสิ้นใจของเธอตวัดขึ้นท่ามกลางห้องพักสีขาวสะอาดที่ว่างเปล่า “มิสรู้ด้วยเหรอครับว่าผมอยู่ที่นี่” เสียงเย็นยะเยือกที่คุ้นหูของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้นจากโซฟาตรงมุมห้องทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ไม่ปรากฏใครในห้องนี้นอกจากมาลิน เงาเลือนรางของคิรินทร์ค่อยๆปรากฏขึ้นอย่างช้าๆจนเห็นได้ชัดว่าเด็กหนุ่มกำลังนั่งไขว่ห้างแล้วยิ้มเยาะมาทางเธอ “เธอเคยเป็นลูกศิษย์คนโปรดของมิสมีเหรอที่มิสจะจำกลิ่นน้ำหอมของเธอไม่ได้?” มาลินตอบด้วยเสียงที่คล้ายจะเป็นความรื่นเริงหากแต่มันอัดแน่นด้วยความทุกข์ระทมชนิดหาที่เปรียบเปรยใดๆไม่ได้ เธอหันมาเผชิญหน้ากับคิรินทร์ที่กำลังยืนปอกเปลือกแอ๊ปเปิ้ลอยู่ข้างเตียงของเธออย่างสบายอารมณ์โดยที่เขาไม่ได้จะสนใจจะต่อปากต่อคำใดๆกับเธอแม้แต่นิดเดียว “เมื่อไรจะถึงคราวของครูเสียที?” มาลินเริ่มสะอึกสะอื้นอีกครั้งเธอมองคิรินทร์ด้วยสายตาวิงวอนประหนึ่งว่าอยากจะขอให้เขาช่วยปลดปล่อยเธอจากชีวิตที่ทุกข์ทรมานเสมือนตายทั้งเป็นนี้เสียที “กินแอ๊ปเปิ้ลหน่อยมั้ยครับมิส?” คิรินทร์หันมายิ้มพลางยื่นแอ๊ปเปิ้ลใส่หน้าเธอแต่มาลินยังคงปิดปากสนิทด้วยสีหน้าปราศจากความรู้สึกใดๆ “มิสเหลือเวลาจนถึงก่อนปิดภาคเรียนที่สอง” คิรินทร์กระซิบก่อนที่เขาจะอันตรธานหายไปพร้อมกับภาพของเต็มทรัพย์ที่กำลังเขย่าตัวมาลิน “ฟื้นแล้วๆ จิ๋มพี่ล่ะตกใจแทบแย่เมื่อกี้เธอไม่หายใจแหนะชีพจรก็ไม่เต้น หมอกำลังมานะทำใจดีๆไว้ก่อน”




แก้ไขล่าสุดโดย Armand D'Angouleme เมื่อ Tue Jun 10, 2014 8:16 pm, ทั้งหมด 1 ครั้ง
ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com