http://www.facebook.com/HysteriaCulture
http://hysteriaculture.wordpress.com/2014/06/10/the-sunshine-underground-the-sunshine-underground-indie-rockdance-punkdisconew-wave-85-45/
The Sunshine Underground : The Sunshine Underground : Indie Rock/Dance-Punk/Disco/New Wave (85% = 4/5)
ผ่านมาตั้งแต่ปี2006แต่จวบจนทุกวันนี้ยังไม่ลืมวินาทีแรกที่ได้ฟัง Raise The Alarm อัลบั้มเปิดตัวสุดเปรี้ยวปรี๊ดของวงอินดี้ร็อคจากลีดส์ ประเทศอังกฤษด้วยค่าที่สามารถนำเอาดนตรีเต้นระบำมาคลุกเคล้าผสมกับฟั้งค์ ดิสโก้ นิวเวฟและร็อคก่อนจะระเบิดพลังออกมาเป็นสุดยอดอัลบั้มแห่งปรากฏการณ์ นิวเรฟ ที่นักวิจารณ์ทั่วหัวระแหงต่างให้การยอมรับ พูดแล้วจะหาว่าอวยนะคะดังนั้นขอท้าใหคุณผู้อ่านลองไปหา Put You In Your Place ไม่ก็ Commercial Breakdown มาฟังดูจะรู้ซึ้ง!
เอาจริงๆแล้วคออินดี้นอกสหราชอาณาจักรหลายคนรู้จักพวกเขาจาก Raise The Alarm อัลบั้มชุดแรกที่ทางนิตยสารNMEชูรักแร้เชียร์ออกหน้าออกตาว่า first great album of the new rave movement แต่อันที่จริงก่อนหน้านั้นพวกเขาเคยออกอีพีมาแล้วในชื่อชุด My Army EP เมื่อปี2004 ซึ่งภาพรวมของงานดนตรีของพวกเขาก็อย่างที่บอกล่ะนะคะ นิวเรฟ ถ้าให้ขยายความก็คือปรากฏการณ์ทางดนตรีของแวดวงอินดี้ในช่วงปี2005-2006ที่ดนตรีอิเล็คโทรนิก้าได้เข้ามามีบทบาทในการทำดนตรีของศิลปินอินดี้เป็นอย่างยิ่งอย่างของ The Sunshine Underground นี่จะกระเดียดไปทางงานอินดี้ร็อคที่หยิบจับเอาแรงบันดาลใจของนิวเวฟและร็อคย้อนยุคแบบ80sขึ้นมาเล่นกับดนตรีเต้นระบำโจ๊ะๆจำพวกดิสโก้เปรี้ยวปรี๊ดเหยาะฟั้งค์ โพสท์พั้งค์ อัลเทอเนทีฟร็อคและอิเล็คโทรนิก้าสารพัดสารเพลงไปจนได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นงานอินดี้ร็อคเปรี้ยวชนิดใกล้เคียงกับรุ่นพี่อย่าง Kaiser ChiefและThe Raptureหากแต่สำหรับดิฉันถูกจริตและชอบชั้นเชิงของพวกเขาระหว่าพวกKaiser Cheifsคือดูมิติและทรงพลังกว่ามาก ในขณะที่วัดกันกับพวก The Rapture ตอนพีคๆแล้วความล้ำแพ้แต่อาจจะได้เปรียบที่ดูสดกว่าก็เรียกได้ว่าเก๋ากันไปคนละเกมส์
ทิ้งช่วงจากอัลบั้มแรกมา4ปีพวกเขาก็กลับมากันอีกครั้งกับ Nobodys Coming To Save You ในปี2010อันนี้เริ่มลดกลิ่นงานจำพวกนิวเรฟลงมาสายอินดี้ร็อคที่หนักขึ้นแล้ว น่าเสียดายที่ฝีมือระดับพวกเขากลับไม่สนใจที่ผลักตัวเองเข้าสู่แวดวงเมนทสตรีมอินดี้มากนักกระแสตอบรับจึงเป็นที่แห่แหนกับเฉพาะกลุ่มที่ติดตามพวกเขาจริงๆจังๆ - คืออินดี้มันก็มีอินดี้ที่ค่อนข้างตลาดกับอินดี้ที่แม่งใต้ดินจริงๆน่ะค่ะ! - ล่าสุดเมื่อกลางเดือนที่แล้วพวกเขาเพิ่งจะออกอัลบั้มล่าสุดมาฝากแฟนๆกันกับSelf-Titledอัลบั้มชื่อเดียวกับทางวงซึ่งอนุมานได้ว่าวงนี้ใช้เวลา4ปีต่อการทำหนึ่งอัลบั้มซึ่งเสี่ยงมากต่อการถูกลืมคือเจ๋งจริงนี่รู้นะ! แต่ในยุคสมัยที่เพลงหาเสพย์กันได้ง่ายแค่เพียงคลิ๊กเดียวแบบนี้ขนาดพวกดาวค้างฟ้ายังถูกคลื่นลูกใหม่สอยร่วงมานักต่อนักนับประสาอะไรกับวงการอินดี้ที่มีศิลปินและวงเจ๋งๆผุดขึ้นรายวันไม่แพ้กัน อันนี้ก็คงต้องไปลุ้นว่าคนรักกันจริงจะยังเหนียวแน่นอยู่หรือไม่
หลังจากที่ได้ฟัง Start (4.5/5) เพลงเปิดอัลบั้มจบก็พอยิ้มออกว่าบรรยากาศโจ๊ะๆเปรี้ยวปราดสนานใจแบบสมัยRaise The Alarmได้กลับมาอีกครั้ง แม้ว่าจะไม่ได้ปล่อยพลังกันชนิดมันส์ระเบิดเถิดเทิงเลือดหยดติ๋งๆสาดเทเป็นสายเท่าเดิมแต่ที่ได้มาแทนที่ก็คือเราได้เห็นการต่อยอดโดยมีพัฒนาการและมีมิติขึ้นจากพวกเขาถึงจะนิ่งขึ้นแต่ความเก๋าของบีทดิสโก้ตึ๊บๆชนิดที่ฟังแล้วหัวใจกระโดดโลดเต้นเป็นจังหวะตามก็ยังคงความเป็นลูกคู่สอดประสานกับกลิ่นอายแด๊นซ์พั้งค์เก๋าๆในเพลงได้เปรี้ยวเท่ห์ไร้ที่ติเช่นเดิม จะว่าไปกลิ่นของนิวเวฟ,อิเล็คโทรนิก้าและซินธิ์แบบ80sตลบอบอวนเสียจนเห็นได้ชัดทีเดียว ตอกย้ำให้เด่นชัดขึ้นไปกันอีกในเพลง Finally We Arrive (4.5/5) ที่คุมโทนโดดเด่นบนอิทธิพลของดนตรีนิวเวฟและซินธิ์พ็อพแบบ80sคลุกเคล้าอิเล็คโทรนิก้า (ยังไม่แรงถึงขั้นหลุดไปเป็นพวกงานแบบซินธิ์พั้งค์หรืออิเล็คโทรแคลช) ภาพรวมจัดเป็นงานสายอัลเทอเนทีฟร็อคและอินดี้ร็อคที่ดีมากๆเพลงหนึ่งของอัลบั้ม คอเพลงบริทพ็อพและคนรักอินดี้ฝั่งอังกฤษน่าจะถูกใจ Dont Stop (4/5) ซิงเกิ้ลเปิดตัวที่มีทุกเอกลักษณ์ของ The Sunshine Underground รวมไว้ครบถ้วนเป็นงานสายนิวเรฟที่มีทั้งอินดี้ร็อค พั้งค์ ฟั้งค์ เต้นระบำและดิสโก้โดยโดดเด่นบนท่วงทำนองของนิวเวฟ,อิเล็คโทรนิก้าและซินธิ์พ็อพเต้นระบำสนานใจกลิ่นอายยุค80sตามธีมของอัลบั้มซึ่งเพลงแบบนี้แหละที่มีไว้เอาใจแฟนคลับเดนตายตั้งแต่สมัยปีMy Army EP มาที่ Battles (4/5) ที่เริ่มเพลงมานึกว่าเพลงของColdplayหรือRadioheadอันนี้กระเดียดไปทางโซนเอ็กซ์เพอริเมนทัลร็อคที่เปิดโพรแกรมมิ่งอิเล็คโทรนิก้าแบบดาวน์เทมโพลอยล่องชนกับลูพของเบรคบีทที่วิ่งว่อนไปทั่วทั้งเพลง อีกหนึ่งเพลงที่เด็ดดวงที่สุดเห็นทีจะต้องยกให้ Nightlife (4.5/5) ที่ได้รับอิทธิพลจากเอซิดเฮ้าส์เข้ามาใส่ในตัวเพลงอย่างชัดเจนเสียดายที่ออกแนวไว้เชิงดูเรียบนิ่งโชว์กึ๋นมากกว่าจะโชว์เก๋าโชว์ของมันส์ระเบิดเถิดเทิงแบบสมัยอัลบั้มแรกและ The Same Old Ghosts (5/5) นี่นับว่าเป็นของใหม่ของทางวงโดยแท้กับการเหยาะเอาอิเล็คโทรเฮ้าส์และเทคโนเข้าไปเล่นกับบีทดิสโก้ โพสท์พั้งค์และอินดี้ร็อคตามแบบฉบับของทางวงนับว่าบูรณาการนิวเรฟเข้ากับดนตรีจำพวกดีเจคัลเจอร์ได้ลงตัวจะว่าไปถ้าเพลงนี้จะเป็นแนวทดลองสำหรับขยับขยายไปสู่อะไรที่แรงกว่าในอนาคตขอวพวกเขาก็นับว่าน่าสนใจอยู่ It Is Only You (4/5) ผิดคาดด้วยอินดี้ร็อคน่ารักๆประสานนิวเวฟและเอ็กซ์เพอริเมนทัล เป็นแทร็คที่สวยมากๆ ว่าแล้วปิดรีวิวไปด้วยเพลงนี้แหละเนอะ
โดยสรุปแล้วอัลบั้ม The Sunshine Underground ชุดนี้สำหรับดิฉันชัดเจนระหว่างการทริบิ้วท์แด่ดนตรียุค80sและการเป็นอัลบั้มทดลองเพื่อหาทิศทางก้าวไปสู่ดนตรีใหม่ๆในอนาคตซึ่งภาพรวมแล้วแม้จะประทับใจน้อยที่สุดในบรรดาผลงานทั้งหมดของพวกเขาแต่ก็ต้องขอชมว่าไม่ผิดหวังและเป็นอัลบั้มอินดี้ที่ดีที่สุดชุดหนึ่งประจำปีนี้เลยทีเดียว
