˹���á Forward Magazine

ตอบ

(18+) ฤดูร้อนนั้นฉัน…ขาย (3+4)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ (18+) ฤดูร้อนนั้นฉัน…ขาย (3+4) 


http://www.facebook.com/HysteriaCulture

http://hysteriaculture.wordpress.com

(18+ : โคมทอง+สุสานนักเรียนฉบับปิดเทอม) ฤดูร้อนนั้นฉัน…ขาย

*ได้รับการอนุญาติจากทางพี่สต๊าฟเรียบร้อย

(สำหรับนิยาย18+ ของทางเพจในครั้งนี้เป็นเรื่องจากซีรี่ยส์ “โคมทอง” นิยายห่ามๆเกี่ยวกับอาชีพ “กะหรี่” ของทางเพจผนวกกับ “สุสานนักเรียน” ซึ่งเป็นนิยายสยองขวัญของทางเพจแต่เป็นในฉบับปิดเทอมซึ่งเรื่องนี้เป็น EP แรกของโปรเจ็คสุสานนักเรียนช่วงปิดเทอมฤดูร้อนโดยเนื้อเรื่องในตอนนี้ไม่มีส่วนใดเกี่ยวข้องกคบที่โรงเรียน “เซนต์มาบุส” แม้แต่น้อยเพียงแต่ตัวละครเอกของเรื่องเป็นเด็กนักเรียนโรงเรียนเซนต์มาบุส ก่อนอื่นต้องกราบเรียนก่อนว่านิยายเรื่องนี้ “ไม่ใช่” นิยายจำพวก “ประสบการณ์เสียว” เพราะทางเพจเราไม่ได้เขียนนำเสนอเรื่องใต้สะดือรวมถึงจะแตกต่างจากนิยาย18+ก่อนหน้านี้ของเพจที่เน้นหยาบเน้นฮาและกระเดียดไปทางประสาทๆเข้าว่า ในขณะที่เรื่องนี้จะมาแนวหม่นๆเศร้าๆและเนื้อหาบีบคั้นรุนแรงจนต้องจั่วเรต18+

นิยายเรื่องนี้ถือเป็นลิขสิทธิ์ของ “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” เจ้าของเฟซบุ๊คส์ “http://www.facebook.com/armandvladjekylldangouleme8774″ และเป็รเจ้าของเพจและบล็อคนิตยสารHysteriaหรือHysteria Culture “http://www.facebook.com/hysteriaculture” และ “https://hysteriaculture.wordpress.com” แต่เพียงผู้เดียว ห้ามมิให้ผู้อื่นนำส่วนหนึ่งส่วนใดของนิยายเรื่องนี้ไปเผยแพร่หรือดัดแปลงโดยมิได้รับอนุญาติ)

“แต่งตัวซะขนาดนี้ยังมีหน้ามาบอกว่าเป็นเด็กนักเรียนม.ปลาย คิดว่าหนูเป็นเด็กปัญญาอ่อนรึยังไงนี่โตเป็นควายจนอายุจะ60อยู่แล้วมองปร๊าดเดียวก็รู้ดูโหงวเฮ้งยี่ห้อนี่มันก็กะหรี่ตามบาร์เบียร์ชัดๆ” ได๋ที่กำลังทำความสะอาดห้องรับแขกหน้าโต๊ะธุรการพูดไล่หลังโบว์ที่เพิ่งเดินเชิ่ดหน้าออกจากเกสต์เฮ้าส์ไปภายใต้เครื่องแต่งกายสุดวาบหวามเกินอายุรับตะวันตกดิน “ได๋อ่า ลื๊อนี่นะปากให้มันเบาๆหน่อยลูกค้าเขาคอมเพลนลื๊อให้เจ้ฟังหลายคนแล้วนะว่าพูดจาหมาไม่แดกและชอบไปจุ้นจ้านกับเรื่องส่วนตัวของพวกเขาลื๊อเป็นแม่บ้านมีหน้าที่อะไรก็ทำไปสิว้า ปากมีไว้ให้ลื๊อเจี๊ยะข้าวก็อย่าเฉาฉุ่ยปากพล่อยทุบหม้อข้าวตัวเอง” เจ้ธุรการตักเตือนแม่บ้านที่รีบปิดปากเงียบกริบทันที “ฮัลโหลเจ๊ระยองเหรอ?…” เจ้ธุรการรีบโทรหาเพื่อนสนิทที่เป็นเจ้าแม่คุมบาร์อยู่ในพัทยาใต้ทันทีที่ได๋เดินก้มหน้าออกจากห้องไป

วาฑิตนั่งทบทวนทุกเรื่องราวกับภาพที่เขาได้เห็นทั้งหมดอันที่จริงแล้วเขาพยายามถามโบว์หลายครั้งถึงเรื่องการตายของเธอแต่ดูเหมือนจะไร้ประโยชน์เมื่อเด็กสาวพยายามนั่งเพ่งเกือบตลอดทางระหว่างพัทยาลงมากรุงเทพฯแต่เธอกลับมองเห็นเพียงความว่างเปล่า “ครับแม่” วาฑิตรีบรับโทรศัพท์จากภาวิณีภรรยาท้องแก่ของตน “นี่พ่อกลับมากรุงเทพฯแล้วเดี๋ยวจะแวะบ้านเพื่อนก่อนแล้วจะรีบกลับไปหาแม่นะครับ ไม่ต้องกลัวนะ พ่อจะอยู่ข้างๆแม่ครับ พ่อสัญญา” วาฑิตวางโทรศัพท์เมื่อรถของเขาจอดถึงหน้าบ้านโบว์

“น้องโบว์หายจากบ้านไปตั้งแต่เดือนเมษาที่ผ่านมาค่ะ เป็นช่วงปิดภาคฤดูร้อนของทางโรงเรียนพอดี” แหม่มแม่ของโบว์กล่าวระหว่างที่เชิญวาฑิตนั่งลงที่โต๊ะรับแขก บ้านของโบว์แม้จะเป็นทาวน์เฮ้าส์สองชั้นขนาดกลางๆแต่การตกแต่งนับว่าหรูหราเกินหน้าเกินตาพวกทาวน์เฮ้าส์จัดสรรราคาเป็นสิบล้านหลายโครงการทีเดียว “ส้อยจ๊ะ ส้อยพี่แหม่มขอน้ำส้มและขนมเค้กมาต้อนรับคุณเขาหน่อยเร็วๆลูก” แหม่มตะโกนเรียกเด็กรับใช้ชาวปักษ์ใต้ที่เธออุปถัมภ์มาหลายปีให้รีบมารับรองวาฑิต “เราอยู่กันสองแม่ลูกมาตั้งแต่ก่อนน้องโบว์เข้าประถมค่ะ ดิฉันก็คิดว่าบ้านขนาดแค่นี่ก็กำลังอบอุ่นกะทัดรัดดีสำหรับเราสองคนให้ย้ายไปอยู่ที่ๆใหญ่กว่านี้ก็คงดูเคว้งคว้างเกินไป ว่าแต่คุณมาที่นี่มีเบาะแสอะไรเกี่ยวกับน้องโบว์เหรอคะ?” ทันทีที่ส้อยเสิร์ฟขนมเสร็จวาฑิตก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้แหม่มฟัง ในตอนแรกชายหนุ่มก็กลัวว่าเธอจะมองเขาเสียสติแต่สังเกตจากปฏิกิริยาของแหม่มที่นั่งนิ่งและฟังเขาอย่างตั้งใจแม้จะไม่ทำให้ความกังวลของเขาจางหายไปแต่วาฑิตก็รู้สึกใจชื้นขึ้นมากเลยทีเดียว

“ว่าแต่ดิฉันจะเชื่อคุณได้ยังไง? เพราะมันไม่มีหลักประกันใดๆจะมาพิสูจน์ได้เลย คือกราบขอโทษนะคะดิฉันไม่ได้ดูถูกคุณแต่ว่าที่ผ่านมาก็มีหลายคนเข้ามากลั่นแกล้งและแสวงหาผลประโยชน์จากการหายตัวไปของน้องโบว์” แหม่มนิ่งเงียบทันทีเมื่อวาฑิตยื่นจดหมายที่เธอเขียนให้โบว์และล็อคเก็ตที่ด้านในมีภาพถ่ายของเธอกับโบว์ตอนเด็กๆให้เธอดู “น้องโบว์คงจะรู้สึกอึดอัดมากๆที่ดิฉันส่งให้ไปอยู่หอพักนักเรียนประจำเป็นเวลาชั่วคราว ถึงได้ไปเที่ยวคนเดียวโดยไม่บอกใครแบบนี้” น้ำตาของผู้เป็นแม่เริ่มไหลรินเมื่อเธอนำล็อคเก็ตของลูกสาวคนเดียวมากุมไว้ตรงหน้าอก “ลูกสาวของฉันตายแล้วจริงๆเหรอคะ ลูกสาวคนเดียวของฉันตายแล้วเหรอคะ?” เธอทรุดตัวลงไปนอนบนพื้นพลางสะอึกสะอื้น

“สวัสดีค่ะคุณเห็นหายไปทั้งวันเลย นี่พาแฟนมาอยู่ด้วยเหรอคะ?” เจ๊ธุรการเดินมาต้อนรับวาฑิตกับแหม่มแต่ก็ต้องชะงักไปเมื่อเห็นทหารนับสิบคนเดินตามหลังทั้งสองเข้ามา “ทางเจ้าหน้าที่ทหารขออนุญาติตรวจค้นนิติบุคคลของท่านตามที่คุณนายได้แจ้งเบาะแสมาว่าลูกสาวของท่านเคยมาพักที่นี่และหายตัวไป” เจ้าหน้าที่ทหารชั้นผู้ใหญ่ท่านหนึ่งทำความเคารพ “มีหมายค้นรึเปล่าคะ?” เจ๊ธุรการถามด้วยใบหน้าซีดเผือดแต่ยังคงควบสติไว้ได้อย่างมั่นคง “นี่ครับแต่เชื่อว่าท่านคงทราบว่าขณะนี้อยู่ในช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินดังนั้นหวังว่าท่านเจ้าของนิติบุคคลจะโปรดให้ความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่โดยดีตามกฏหมายด้วยครับ”

“ผมเจอจดหมายและล็อคเก็ตของน้องในห้องนี้แหละครับคือตามที่เล่าไปมันอาจจะฟังดูเหลือเชื่อแต่…” วาฑิตพูดกับเจ้าหน้าที่ทหารท่านหนึ่งซึ่งเขาตัดบทก่อนที่ชายหนุ่มจะพูดจบ “เราอยู่ในเมื่องพุทธครับน้อง เรื่องของความเชื่อและผีสางมีจริงๆตอนที่ลุงพี่โดนฆ่าตายแกก็มาเข้าฝันป้าให้ตามหาศพตามหารถแกจนเจอแถมชี้ขี้ยาแถวบ้านถูกตัวยกแก๊งค์เลย” นายทหารตบหลังวาฑิตเบาๆซึ่งเป็นสัญญาณว่าเขาเชื่อในสิ่งที่ชายหนุ่มพูด “ห้องนี้ไม่มีอะไรแล้วเดี๋ยวผมขอพาลูกน้องไปตรวจรอบๆชั้นนะครับ” ทหารหนุ่มทิ้งท้ายก่อนจะเดินออกไป วาฑิตที่กำลังรู้สึกตื้นตันใจในความทุ่มเทและเป็นมิตรของพี่ทหารหันมามองแหม่มที่กำลังยืนตัวแข็งทื่อ “ลูกโบว์!” เธอกำลังยืนประจันหน้ากับลูกสาวอยู่ “แม่แหม่ม หนูคิดถึงแม่จังเลย” โบว์วิ่งเข้ามาสวมกอดแม่บังเกิดเกล้าของตนที่ไม่ได้นึกรังเกียจหรือหวาดกลัวลูกสาวของตนเองก่อนที่ภาพทั้งหมดจะระเบิดขึ้นตรงหน้าของวาฑิต


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
“โอ้โหอีหนูมาใหม่เหรอเนี่ยอยู่บาร์ไหนล่ะ?” อ๊อดกะเทยแต่งหญิงเจ้าถิ่นหันมามองโบว์ในชุดสะพายแหล่งสีเงินเมทัลลิครัดรูปโชว์สะดือเข้าชุดกับเหล็กดัดฟัน,เปลือกตา,รองเท้าส้นสูงและกางเกงสีเงินเมทัลลิคตัวจิ๋วรัดรูปที่ส่องแสงประกายเจิดจรัสกระทบกับแสงสีในพัทยาใต้ไม่แพ้กัน ตอนนี้ผมของเธอเปลี่ยนเป็นสีบลอนด์ทองสว่างตัดกับผิวสีคล้ำเข้มเช่นเดียวกับปากสีชมพูดสดพอๆกับแก้มด้วยความตกตะลึง “เปล่าพี่ หนูมาเที่ยวปิดเทอมนี่แหละเลยเลยต้องแต่งให้เข้ากับบรรยากาศเสียหน่อย” โบว์หมุนตัวไปมา “วู๊ยยย เธอนี่แต่งตัวมาฆ่าเจ้าถิ่นแท้ๆอีเจ๊ล่ะซูฮก กะหรี่กะเทยย่านนี้ดับหมดเลยค่า มาๆเดี๋ยวเจ๊พาเที่ยว” โบว์ลังเลก่อนที่จะโดนออดฉุดมือไป ตอนแรกๆเด็กสาวยังรู้สึกไม่ค่อยวางใจในตัวอ๊อดเสียเท่าไรแต่พอนานๆไปเธอก็รู้สึกถูกชะตากับพี่สาวประเภทสองคนนี้เรื่อยๆและเริ่มกลายเป็นความไว้ใจ “อ้าวนี่พวกมึงๆๆๆและพวกมึง กูขอแนะนำให้รู้จักกับอีโบว์น้องชะนีแท้มีหีมีแตดจากกรุงเทพฯค่า” อ๊อดแนะนำโบว์ให้รู้จักกับกะเทยขาใหญ่ย่านพัทยาใต้ทุกคน ท่ามกลางเสียงกรี๊ดกร๊าดและบรรยากาศสนุกสนานนั้นไม่มีใครล่วงรู้เลยว่าขณะนี้กลุ่มของพวกเธอกำลังโดนจับตาอยู่โดยกลุ่มคนที่อันตรายกว่า “เจ๊ระยองครับอีเด็กนี่แม่งแรงพอๆกับกะเทยแถวนี้เลย เอาไงดีครับ” ชายคนหนึ่งโทรถาม

“โอ๊ยยย อีดอกกูไปเยี่ยวก่อนนะคะเดี๋ยวกลับมาเม้าท์มอยแป๊ปนึง” อ๊อดที่เพิ่งเต้นจนหอบเดินหัวเราะคิกคักโซซัดโซเซไปที่ห้องน้ำ “ว๊ายยย หีแหก!!!!” เธอกรี๊ดลั่นเมื่อโดนผู้ชายสามคนฉุดกระชากเข้าห้องน้ำชาย “โอ๊ยยย พี่หนูก็เพิ่งบอกเจ๊ระยองไปว่าค่ายาหนูติดไว้ก่อน” อ๊อดพูดเสียงสั่น “เงียบน่าอีกะเทยเจ๊เขามีงานให้มึงทำและถ้ามึงทำสำเร็จนะเจ๊เขายกหนี้ให้มึงหมดเลยและจะให้เงินมึงด้วย” ชายคนหนึ่งขู่ “จะให้หนูทำอะไรล่ะคะพี่?” อ๊อดเริ่มแสดงกิริยาจีบปากจีบคอฉอเลาะตามสันดาน “เจ๊เขาอยากได้อีเด็กที่มาจากกรุงเทพน่ะไปทำงานด้วย” อ๊อดถึงกับตาเหลือกเมื่อได้ฟัง “พี่หนูก็ชวนมันไปอ๊อฟแขกด้วยกันแล้วแต่มันไม่เอามันไม่ได้เป็นกะหรี่และบ้านมันก็มีตังค์ด้วย” อ๊อดแสดงท่าทีอึกอัก “งั้นมึงฟังกูนี่!”

“โอ๊ยยย อีโบว์เจ๊จะเป็นลมว่ะกลับห้องไม่ไหวแล้ว” อ๊อดเสแสร้งทำมารยาคลานออกมาจากห้องน้ำ “งั้นเจ๊ไปนอนห้องหนูมั้ย ห้องหนูอยู่แถวนี้หนูก็มึนๆอยู่เหมือนกัน” ด้วยความไว้ใจและอ่อนประสบการณ์โบว์จึงออกปากชวนเพื่อนสาวคนใหม่ที่เธอยังไม่รู้จักดีให้ไปพักร่วมกับเธอ

“คุณครับๆทางเราเจอศพผู้หญิงอยู่บนดาดฟ้าครับ” นายทหารคนหนึ่งวิ่งมารายงานแหม่มกับวาฑิตที่ดูเหมือนจะสะดุ้งตื่นขึ้นจากภวังค์ ทั้งคู่มองหน้ากันก่อนจะรีบวิ่งตามทหารขึ้นลิฟต์ไปบนดาดฟ้า “ผู้หญิงคนนี้เป็นใคร?” ทหารคนนี้ถามเจ้ธุรการที่ยืนนิ่งและไม่ปริปากตอบคำถามใดๆ “น่าแปลกที่ศพเน่าและอืดขนาดนี้กลับไม่ส่งกลิ่นเหม็นเลย ดูเหมือนจะตายมาได้สี่ถึงห้าเดือนแล้วครับ” นายทหารท่านหนึ่งหันมารายงานเจ้านาย วาฑิตสังเกตจากเครื่องแต่งกายของศพแล้วเขาจำได้ทันทีว่าเป็น “ได๋” แม่บ้านของทางคอนโด แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรเพราะเมื่อเช้าเขายังพบได๋มาเคาะกระจกรถปลุกเขาอยู่เลย

“นี่แหละครับแม่บ้านของที่นี่เขาหายตัวไปได้เกือบจะสี่เดือนแล้วทางครอบครัวของเขาเคยมาตามที่นี่หลายครั้งแต่ก็ไม่เจอ” ครอบครัวที่เช่าห้องรายเดือนประมาณหกถึงเจ็ดห้องที่ทหารเชิญตัวขึ้นมาดูศพต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันก่อนที่เสียงร้องของรถมอเตอร์ไซค์สองสามคันข้างล่างจะดังขึ้นเมื่อเจ๊ธุรการอาศัยจังหวะนี้ชิงกระโดดตึกตายเพื่อหนีความผิดที่เธอก่อ

ต้องใช้เวลาหลังจากนั้นเกือบ3-4ชั่วโมงกว่าทางทหารจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องถิ่นในการสืบหาตัวของ “เจ๊ระยอง” โชคดีที่วาฑิตและแหม่มจำใบหน้าของลูกน้องของเจ๊ระยองที่ทั้งสองเห็นในภวังค์ได้และทำให้ทราบความจริงว่าเจ๊ระยองตอนนี้อาการโคม่านอนไม่ได้สติอยู่ในห้องICU “ก่อนที่เจ๊แกจะขับรถตกทางด่วนแกก็คล้ายจะมีอาการประสาทหลอนบอกว่ามีผีเด็กผู้หญิงตามฆ่าแกครับ” นี่คือหนึ่งในคำให้การของลูกน้องเจ๊ระยองที่ทำให้ผมและคนทั้งห้องขนหัวลุกแม้จะมีคำถามจากสารวัติตำรวจที่ดูเหมือนจะเป็นเชิงเยาะเย้ยอยู่กลายๆว่า “ผีมีจริงเหรอ?” อาจจะดูเหมือนบ้าแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับผมในวันนี้ทำให้ผมเชื่อในเรื่องของวิญญาณและบาปบุญคุณโทษมากยิ่งขึ้นไปอีก ลูกน้องเจ๊ระยองสารภาพว่าหลังจากที่อ๊อดออกอุบายขอไปนอนห้องโบว์เธอก็ฉวยโอกาสตอนที่โบว์หลับนำคีย์การ์ดลงมาเปิดประตูและพาแขกฝรั่งที่สนใจจะมาอ๊อฟโบว์ขึ้นไปบนห้องพร้อมพวกเขาโดยเรื่องนี้เจ๊ธุรการเจ้าของคอนโดสราญศิลป์รู้เห็นเป็นใจทั้งหมด หากแต่แม่บ้านได๋ที่ได้ยินเสียงร้องกลางดึกมาเห็นเข้าและขู่จะแจ้งตำรวจเลยถูกฆ่าปิดปากในขณะที่โบว์ถูกข่มขืนโดยแขกฝรั่งคนนั้นและโดนรุมข่มขืนโดยพวกลูกน้องของเจ๊ระยองนับสิบจนขาดใจตายคาห้องเช่นเดียวกับอ๊อดที่ถูกอุ้มขึ้นรถตู้ไปฆ่าปิดปากเช่นกันหลังจากถูกหลอกให้ตายใจทำให้ผมได้เห็นถึงความโหดร้ายและเห็นแก่ตัวของมนุษย์ด้วยกันอย่างแจ่มชัดยิ่งขึ้นก็วันนี้เช่นเดียวกับที่ได้เห็นช่องว่างทางกฏหมายที่มีไว้เลือกปฏิบัติเพื่ออำนวยประโยชน์ให้ผู้มีอิทธิพลในสังคมไทยที่เราทุกคนสมควรจะรวมพลังและลุกขึ้นมายุติวงจรอันฟอนเฟะนี้เพื่อผู้บริสุทธิ์ในอนาคตที่อาจจะเป็นลูกหลานของคุณ แม้ว่าการตายของโบว์จะถูกอำพรางคดีให้เป็นการฆ่าตัวตายและก็คงจะเป็นเวรกรรมของเธอที่ขณะนี้เจ๊ระยองและเจ๊ธุรการไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะลุกขึ้นมาแสดงความรับผิดชอบใดๆต่อชีวิตของเธอได้ ฝรั่งที่ขืนใจเธอก็ไม่รู้ว่าจะไปตามจับที่ไหนก็มีแต่ลูกกระจ๊อกที่รุมขืนใจเธอจนตายที่ต่างซัดทอดกันไปกันมาจนท้ายที่สุดถูกดำเนินคดียกกลุ่ม น่าเศร้าที่ชีวิตของคนๆหนึ่งกลับเรียกร้องความยุติธรรมได้แค่นี้บนโลกของความเป็นจริง

“วาฑิตอยู่ไหนลูกหนูภาวิณีเจ็บท้องมากแล้วนะ รีบมาโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลยนะลูก” วาฑิตรีบอำลาแหม่มที่กำลังนั่งรอลุ้นการค้นหาร่างของโบว์ในตึกสราญศิลป์อยู่ก่อนจะกระโดดขึ้นรถแล้วขับตรงกลับมาที่กรุงเทพฯทันที “ลูกพ่อๆพ่อกำลังไปหาหนูนะลูก” วาฑิตสัมผัสได้ถึงจังหวะของหัวใจของเขาที่เต้นอย่างไม่เป็นปกติ ความรู้สึกของเขา ณ ตอนนี้มันท่วมท้นไปทั้งความตื้นตันใจ,ความหวาดวิตกและความสุขที่กำลังจะได้เป็นพ่อคน วาฑิตเหลือบมองไปที่กระจกหลังแล้วเขาเห็นโบว์กำลังนั่งยิ้มตอบกลับมาให้เขา “หนูขอบคุณนะคะคุณพ่อ” เด็กสาวร้องไห้ก่อนที่จะเลือนหายไปทิ้งให้เขาขับรถอยู่ท่ามกลางบรรยากาศยามใกล้รุ่งเช้าที่เงียบงัน เด็กสาวที่ผมเจอในมุมมืดที่สุดของผับแท้จริงแล้วเธอตั้งใจรอผมมาตลอดฤดูร้อนนี้เพื่อขายศักดิ์ศรีของตัวเองให้ผู้ที่กำลังจะเป็นพ่อของเธอเพื่อให้พ่อคนนี้ได้สำนึก,เรียนรู้และตระหนักถึงสิ่งที่ได้เคยลงมือทำลงไปในฐานะผู้ชายที่รักสนุกคนหนึ่งซึ่งไม่เคยคิดว่ามันอาจจะเคยทำให้ผู้หญิงหลายๆต้องเจ็บ ผมรู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่เดินตรงไปหาคุณพ่อคุณแม่หน้าห้องผ่าตัดและเห็นนางพยาบาลเข็นเด็กทารกคนหนึ่งออกมา ผมมองผิวสีเข้มของเธอที่เหมือนผมอย่างกับแกะด้วยความเห็นดูในขณะที่เธอมีดวงตาที่กลมโตและสวยเหมือนภาวิณี “พ่อขอบคุณหนูนะโบว์” – - วินาทีนั้นผมตัดสินใจเลิกสนุกและเลิกเที่ยวผู้หญิงไปจนวันตายเพื่อจะขอทำหน้าที่ผู้ชายที่ดีที่สุดให้ภาวิณีและลูกโบว์ตลอดไป

(อวสาน)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  
Confused Confused Confused vever good
ทางเข้า gclub

ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com