˹���á Forward Magazine

ตอบ

สุสานนักเรียน ตอนที่3 (9)
ผู้ตั้ง ข้อความ
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ สุสานนักเรียน ตอนที่3 (9) 


http://hysteriaculture.wordpress.com

hysteria

สุสานนักเรียน ตอนที่3 เรื่องเล่าสยองขวัญจากห้องน้ำนักเรียนชายที่ถูกปิดตาย (3)

บทความ/นิยายในเพจ Hysteria นี้ ถือเป็นลิขสิทธิ์แก่ผู้เขียน “นายมัลนร ล้ำสกุลวงศ์” (http://www.facebook.com/ArmandVladJekyllDangouleme8774 และเพจ http://www.facebook.com/hysteriaculture)เท่านั้น ห้ามทำซ้ำ ดัดแปลง คัดลอกส่วนหนึ่งส่วนใด หรือนำไปเผยแพร่โดยไม่ได้รับอนุญาติ

สุสานนักเรียน ตอนที่3 เรื่องเล่าสยองขวัญจากห้องน้ำนักเรียนชายที่ถูกปิดตาย

ณ ห้องผู้ป่วยของโรงพยาบาลแห่งหนึ่งปรากฏร่างของเด็กสาวที่นอนซมอยู่บนเตียงคนไข้ “วิภาวี” นอนร้อนครวญครางด้วยความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์บริเวณหน้าอกและอวัยวะเพศซึ่งเชื้อโรคของบาดแผลดูเหมือนจะลามขึ้นสมองของเธอจนเสียสติ “ใครนะที่มันทำไอ้เมย์ได้ถึงขนาดนี้?” มดเพื่อนสนิทของเมย์นั่งมองร่างไร้สติของเพื่อนเธอรู้สึกเจ็บปวดแทนชะตากรรมที่วิภาวีต้องประสบจนอดน้ำตาไหลไม่ได้ “เค้าว่าคนทำมันต้องโรคจิตแน่ๆเลยว่ะ สาธุ!!!!! เพี้ยง!!!! ขอให้ตำรวจจับมันได้ทีเถอะ” ปูเพื่อนทอมคู่ขาของมดประนมมือร้องขอต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์พลางปลอบแฟนสาวในขณะที่มิ้มเพื่อนทอมอีกคนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องกำลังปอกแอปเปิ้ลให้เพื่อนๆทั้งสอง ทั้งสามคนไม่ได้รู้เลยว่าขณะนี้มีชายคนหนึ่งในชุดคลุมดำของบาทหลวงถือขวานคมกริบยืนมองเด็กสาวทั้งสามอยู่ด้านหลังห้องเขาค่อยๆเดินย่างกรายเข้ามาช้าๆก่อนที่จะเงื้อขวาน “ฉับ!!!!” เสียงหวดฟาดของขวานดังขึ้นในอากาศมันตัดคอของปูที่กำลังโอบกอดมดแฟนสาวขาดกระเด็น “กรี๊ดดด!!!!!!!” มดกรีดร้องเมื่อเลือดจากร่างไร้ศรีษะของคู่ขาพุ่งกระฉูดสาดกระเซ็นไปทั่วห้องจนอาบทั้งร่างของเธอก่อนที่ใบหน้าของเธอจะถูกขวานจามจนแบะออกจากกันเป็นรายต่อมา มิ้มนั่งตัวสั่นเทิ้มพลางชี้มีดปอกผลไม้มาข้างหน้าเป็นเชิงป้องกันตัวก่อนที่เด็กสาวจะร้องลั่น “คุณแม่อธิการครับผมจัดการเรียบร้อยแล้ว…ทุกอย่างที่คุณแม่สั่ง!!!” บาทหลวงคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือของมดโทรหาผู้หญิงคนหนึ่งหลังจากที่สับร่างไร้สติของวิภาวีเป็นชิ้นๆ “ดีมากบราเดอร์ แม่ขอขอบคุณที่บราเดอร์อุทิศชีวิตและจิตวิญญาณเพื่อพระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้าและศาสนจักรอันบริสุทธิ์ของเรา เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้และซิสเตอร์เชื่อว่าพระพรของพระเป็นเจ้าสถิตย์อยู่กับบราเดอร์แล้ว ณ ขณะนี้จวบจนตลอดกาลบนดินแดนของพระองค์” ซิสเตอร์สากุลวดีวางสายก่อนจะหันหลังกลับไปร่วมพิธีมิสซายามเย็นในโบสถ์ในขณะเดียวกันกับที่บาทหลวงคนนั้นหยิบน้ำมันออกมาจากกระเป๋าพร้อมราดไปทั่วทั้งห้อง “ขอพระองค์โปรดรับดวงวิญญาณของข้าพเจ้าผู้ซื่อสัตย์ที่สละชีวิตเพื่อกิจของพระองค์ไว้ในอาณาจักรของพระบิดาด้วยเถอะพระเจ้าข้า” เสียงสวดอ้อนวอนของเขากลับกลายเป็นเสียงร้องโหยหวนทุรนทุรายหลังจากที่เปลวเพลิงโลมเลียไปทั่วทั้งห้องลามมากลืนกินแผดเผาร่างของเขาทั้งเป็น

“โอ๊ย แล้วมิสนะคะ ไม่ย๊ากกกก ไม่อยากจะเล่าให้พวกลูกๆฟังเลยค่ะคือสมัยที่มิสเป็นนักเรียนคอนแวนต์นะคะเคยถูกซิสเตอร์ฝ่ายปกครองทำโทษให้ไปนั่งอยู่ในห้องเป็นสัปดาห์เลยค่ะให้เช็ดห้องถูห้องนะคะนี่พอมันไม่อยู่นะคะมิสก็บ้วนน้ำลายลงไปเท่านั้นไม่พอนะคะยังนั่งฉี่ลงไปด้วยแหละค่ะแล้วก็เอามาเช็ดห้องให้ซิสเตอร์ ก็ผสมผงซักฟอกมันกลบกลิ่นอยู่แล้วนี่เนอะ ว๊ายยยย ฮ่าๆๆๆๆ” ผกากำลังหัวเราะร่วนกับวีรกรรมสมัยนักเรียนของตัวเองด้วยท่าทางและการใส่อารมณ์ขั้นเทพของเธอนั้นทำเอาเรื่องที่ดูน่าขยะแขยงบนโต๊ะอาหารนี้กลายเป็นสีสันที่ช่วยเพิ่มอรรถรสในการรับประทานไปที่แม้แต่มาลินกับหลินยังอดหัวเราะกับเรื่องนี้ไม่ได้ “หนูไม่อยากจะเชื่อเลยว่ามิสจะทำไปได้” หลินดูเหมือนเกือบจะสำลักน้ำเป๊ปซี่ในขณะที่ดีไซน์ สมคิด เลวรำพึง ฟารีดาและเต็มทรัพย์กำลังปิ้งหมู ไก่ ปลาหมึกและกุ้งบนกะทะ “นี่นักเรียนเสบียงจะหมดแล้วนะเด็กผู้ชายลุกไปบริการพวกสุภาพสตรีกันหน่อยเร็ว” สมคิดหันมาสั่งพวกนักเรียนชาย “จะว่าไปมากินหมูกะทะพร้อมหน้าพร้อมตากับพวกนักเรียนแบบนี้ก็ดีเหมือนกันนะคะเสียดายที่ซิสเตอร์เวโรนิก้ากับซิสเตอร์รจิตามาไม่ได้” เลวรำพึงพูดระหว่างเติมน้ำแข็งให้เพื่อนร่วมโต๊ะทุกแก้ว

ระหว่างที่พวกแอนดี้กำลังตักอาหารและเติมน้ำจิ้มกันอยู่นั้นได้มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินตรงมาทางพวกเขา “อ้าว สวัสดีครับพวกน้องๆวันนี้มาฉลองกันที่นี่เหรอ?” แอนดี้จำได้ว่าเขาเป็นรุ่นพี่ม.6สายการเรียนเดียวกันที่โรงเรียนดูจากท่าทางและการแต่งตัวและบรรดากลุ่มเพื่อนที่โต๊ะแล้วเด็กคนนี้น่าจะเก๋าพอตัวซึ่งนับว่าผิดจากที่แอนดี้เคยเห็นเขาที่โรงเรียนที่ออกจะเนิร์ดๆไม่แพ้กาโต้ “อ้าวสวัสดีครับพี่เว่อร์เป็นไงบ้าง?” คริสมาสต์ยกมือไหว้ “ไอ้สัตว์นี่กูบอกกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกชื่อกูเต็มๆว่า ‘โอลิเวอร์’ ” เด็กหนุ่มยิ้มพลางตบหลังคริสมาสต์เบาๆ “พี่เว่อร์ๆวันนี้พวกมิสก็มากินหมูกะทะกับพวกเราด้วยนะยูจะไปจอยด้วยมะ?” ฮาเวิร์ดแทรกตัวเข้ามากอดคอรุ่นพี่ที่เขาสนิท “ไอ้นี่ก็อีกคน!!! เอาเถอะวันนี้กูไม่เรียบร้อยว่ะ เฮ้ย บรูโน่กูขอปรึกษาเรื่องส่วนตัวหน่อยเดะ!” โอลิเวอร์หันมาทางบรูโน่ที่ดูเหมือนน่าจะซีดเผือดขึ้นมาทันที “กูไม่ได้จะยืมเงินมึงหรอกน่าแต่เรื่องนี้มีมึงคนเดียวที่กูคุยได้” เด็กหนุ่มล็อกคอบรูโน่แล้วลากไปหามุมส่วนตัวด้วยท่าทีเขินอาย

“เฮ้ยไอ้โน่เงินค่าแทงบอลกับค่าไอซ์ที่มึงติดกูไว้เมื่อไหร่มึงจะจ่ายว่ะ?!!!” ทันทีที่โอลิเว่อร์ลากบรูโน่ไปถึงมุมสงบหน้าห้องน้ำชายเด็กหนุ่มก็เผยธาตุแท้ออกมาทันที ใบหน้าของเขาดูเรียบนิ่งยากที่จะคาดเดาแต่น้ำเสียงของเขาทุกพยางค์แฝงถึงความอันตรายเช่นเดียวกับสายตาของเขา ณ ขณะนี้ที่จ้องบรูโน่อย่างเชือดเฉือน “เอ่อ พี่ตอนนี้ผมยังไม่มีเงินเลย” บรูโน่อ้อนวอน “เฮ้ย กับอีแค่ห้าหกหมื่นนี่มึงไม่มีให้กูเหรอวะไอ้โน่? ไม่มีแล้วเสือกมาเอาของๆกูมาเล่นโต๊ะกูทำไม!!!!” โอลิเวอร์ตบเข้าไปที่ใบหน้าของบรูโน่ฉาดใหญ่ “อย่าให้กูต้องเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อบอกแม่ของมึงนะแล้วถ้ามึงตุกติกหรือมีปัญหาล่ะก็กูจะบอกเฮียกูให้มาเก็บมึงทั้งบ้านเลย” โอลิเวอร์ขู่ “ตอนนี้มึงมีเงินเท่าไหร่?” เด็กหนุ่มพูดพลางล้วงกระเป๋าของบรูโน่ออกมาดูโดยไม่ถามเจ้าตัว “ถุย! สองพัน กระจอกฉิบหาย!!!! มึงมีในเอทีเอ็มเท่าไร?” บรูโน่ส่ายหน้าพลางน้ำตาไหล “ตอนนี้ที่บ้านแด๊ดกับมี๊ก็กำลังแย่ ร้านที่เป็นสาขาก็ปิดตัวไปหลายประเทศแล้ว” บรูโน่ปล่อยโฮออกมาอย่างหมดความอดกลั้น “เรื่องของมึง วันนี้มึงมีอะไรให้กูบ้าง? งั้นเอาโทรศัพท์มึงมา!” คำพูดของโอลิเวอร์ทำเอาบรูโน่สะดุ้ง “โห พี่!!!” แต่เขาก็ต้องจำยอมเมื่อเห็นสีหน้าที่เอาจริงของรุ่นพี่ “ขอเวลาผมลบคลิปบางอย่างก่อน” บรูโน่หยิบไอโฟนขึ้นมาหมายจะลบข้อมูลส่วนตัวแต่โอลิเว่อร์กระชากไอโฟนมาจากมือเขา “มีคลิปอะไรมาให้กูดูบ้างเดะ? อะฮ้า!!!!” เขาเปิดคลิปของฮาเวิร์ดและดีไซน์ดูพลางเลียริมฝีปากอย่างหื่นกระหาย “มึงนี่แม่งเหี้ยว่ะ เป็นเพื่อนภาษาอะไรถ้าไอ้ฮาเวิร์ดมันรู้มึงมาโรงเรียนไม่ได้แน่ๆ” ดูเหมือนว่าโอลิเวอร์จะเล่นถูกจุดเพราะบรูโน่ถึงกับหน้าซีดเผือดขึ้นมาทันที “อย่า อย่านะพี่เว่อร์ ผมแค่ถ่ายไว้ดูเล่นๆ” บรูโน่เริ่มร้องไห้อีกครั้ง “ไว้ดูตอนมึงว่าวล่ะสิ! เอางี้กูไม่เอาไอโฟนมึงแต่มึงบลูทูธคลิปนี้มาให้กูแล้วหนี้ทั้งหมดกูยกให้โอเคป่ะ!” บรูโน่ถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อเจอข้อเสนอนี้ “เอ้า!!!” เขายัดยาไอซ์ถุงใหญ่ใส่มือบรูโน่พร้อมกับเงินสดอีกสามหมื่น “มึงอย่าคิดมากน่ะกูยกหนี้ให้ ให้ยามึงอีก ให้เงินซื้อคลิปมึงอีก ดีตายห่าขนาดไหนแล้ว” โอลิเว่อร์กดเปิดบลูทูธ “แต่!!!” บรูโน่ดูเหมือนอยากจะปฏิเสธ “ไอ้สัตว์กูจะขอไว้ดูตอนกูเงี่ยนบ้างไม่ได้รึไงหรือจะให้กูบอกไอ้ฮาเวิร์ด!!!” บรูโน่ที่ได้ยินเช่นนั้นจึงจำเป็นต้องปล่อยให้เลยตามเลย

“ก็อีฐิตารีย์มันเป็นเพื่อนเรียนพยาบาลคณะเดียวกับฉันเองแหละ” เต็มทรัพย์ที่ขณะนี้เครื่องกำลังเข้าที่เริ่มสาธยายถึงแม่ของกาโต้โดยที่เพื่อนร่วมโต๊ะทั้งครูและนักเรียนทุกคนต่างนั่งฟังกันใจจดใจจ่อโดยเฉพาะผกาที่ดูเหมือนจะใช้สมาธิและจริงจังกับหัวข้อนี้เป็นพิเศษ “อีนี่มันเป็นคนหัวสูง หยิ่งยะโสใหญ่โตโก่งคอเป็นระหงส์หี ชอบดูถูกคน ถุย!!! แต่ขอโทษทีโง่อย่างกับควาย เด็กบ้านนอกอย่างฉันน่ะนะจบเกียรตินิยมอันดับหนึ่งของคณะเชียวนะมันถึงหาเรื่องกัดฉันเรื่องชีวิตคู่ล้มเหลวไง ฉันน่ะเอามีดแทงผัวเกือบติดคุกมาแล้วเวลางานคืนสู่เยาว์ทีไรก็ชอบเอาเรื่องครอบครัวสุขสันต์ของมันมาพล่าม แต่กูจะบอกให้ว่ามีผัวแข็งทื่อเป็นหุ่นยนตร์กับลูกที่ดูไม่สมประกอบแบบไอ้กาโต้นี่กูนอนอ้าขาเอาพัดลมเป่าอีปิ๊อยู่คนเดียวในห้องดีกว่า” เต็มทรัพย์ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันในขณะที่หลินและมาลินถึงกับแสดงอาการไม่พอใจออกมาอย่างเห็นได้ชัดแต่ดูเหมือนว่าเต็มทรัพย์จะไม่สนใจ “ใครๆก็รู้ว่าที่มันได้เข้าไปทำงานในโรงพยาบาลนั้นก็เส้นพ่อผัวแม่ผัวที่เป็นคนเก่าคนแก่ทั้งนั้นแหละมันเลยไม่กล้าแขวะฉันไงที่จบเกียรตินิยมแต่เลือกจะมาทำงานเป็นครูพยาบาลที่โรงเรียน ฉันอยากทำที่นี่เพราะคิดว่าอย่างน้อยดูแลพวกเฮี้ยวๆบ้าๆบอๆแบบพวกแกชีวิตยังมีสีสันกว่าไปอยู่กับผีกับศพในโรงพยาบาล ประสาทแดกตายห่ากันพอดี วันๆเจอแต่คนทำหน้าทำตาใกล้จะตายมีชีวิตชีวากันที่ไหน ฉันรู้ว่าคนอย่างอีฐิตารีย์มันไม่มีทางมาเข้าใจสิ่งที่ฉันเลือกหรอก” เต็มทรัพย์หันมาด่าให้ผกา,สมคิดและดีไซน์ที่ต่างนั่งฟังกันจนไม่สนใจเนื้อหมูที่ไหม้กรอบติดกะทะ

“เฮ้ย! มึงไปคุยอะไรกับพี่เว่อร์ตั้งนานวะ Dude?!!!” ฮาเวิร์ดตะโกนถามบรูโน่ที่เดินซึมๆกลับมาที่โต๊ะ “อ๋อ พี่เขาจะจีบพี่สาวกูเลยลากกูไปปรึกษาน่ะ” บรูโน่โกหกทันควันด้วยสีหน้าที่ไม่ชวนเชื่ออย่างแรงจนทำเอาฮาเวิร์ดยักคิ้วด้วยความสงสัย “Bull Shit ว่ะ! มึงกับกูคบกันมา5ปีนะโว้ย มีอะไรไม่สบายใจก็บอกมา!!!” ฮาเวิร์ดถามโต้งๆเนื่องจากจับพิรุธได้แต่ถูกมาลินเอาตะเกียบตีปากเบาๆ “เธอนี่นะพูดกับเพื่อนเพราะๆสักวันจะตายมั้ย?” ครูสาวเอ็ด “มิสสอนวิทยาศาสตร์แล้วมิสรู้ได้ไงครับว่าแปลว่าอะไร?” ฮาเวิร์ดรีบเอามือถูปากด้วยสีหน้าขยะแขยงพลางถามครูประจำชั้นด้วยน้ำเสียงสุดทะเล้นทำเอาเพื่อนๆทั้งโต๊ะหัวเราะก๊าก “โถ่ ไอ้เวิร์ดพวกมิสเรียนจบปริญญาตรีกันนะเว้ย ไม่งั้นไม่มาเป็นครูพวกแกหรอก” เต็มทรัพย์หัวเราะในลำคอ “เอ่อ เด่วผมขอตัวกลับบ้านก่อนนะครับมิส ผมรู้สึกไม่ค่อยมีแรง” บรูโน่ยกมือไหว้คุณครูทั้งโต๊ะด้วยสีหน้าซีดเซียวอย่างเห็นได้ชัดก่อนที่จะรีบเดินออกจากร้านไปโดยไม่ร่ำลาเพื่อนๆสักคำ “What’s wrong with him?” ดีไซน์ลุกขึ้นจากโต๊ะและตัดสินใจเดินตามบรูโน่ไปโดยมีฮาเวิร์ดวิ่งตามไปติดๆในขณะที่คริสมาสต์,ฟารีดา,แอนดี้และมาลินต่างชะโงกหน้ามองตามบรูโน่ด้วยความเป็นห่วง

“เฮ้ย! มึงเป็นอะไรก็บอกกูดิ!!!” ฮาเวิร์ดคว้าไหล่บรูโน่ที่กำลังจะโบกแท็กซี่ “เปล่าๆ กูไม่เป็นอะไรจริงๆแค่รู้สึกไม่ค่อยสบายนิดหน่อยว่ะ” บรูโน่หันมายิ้มซีดๆ “อย่ามาโกหกพวกเราเลยบรูโน่ รู้จักกันมาตั้งนานพวกฉันดูออกนะว่าเธอกำลังมีอะไรสบายใจ” ดีไซน์พูดห้วนๆพลางมองหน้าบรูโน่อย่างเอาจริง “Leave Me Alone!!!” บรูโน่หันมาตะคอกจนทั้งคู่ถึงกับชะงักไปเนื่องจากตลอด5ปีที่รู้จักกันมาบรูโน่มักจะเออออห่อหมกและเป็นลูกไล่ของพวกเขาชนิดถึงไหนถึงกันมาโดยตลอดเป็นครั้งแรกที่บรูโน่แสดงอาการฉุนเฉียวใส่ฮาเวิร์ด “มึงเป็นเหี้ยอะไรวะนี่?!!!” ฮาเวิร์ดเดินเข้าไปผลักบรูโน่จนเซถลาแต่ดีไซน์ดึงตัวเขาไว้ “อย่า! ไม่เอานะ ฮาเวิร์ด ให้เวลาบรูโน่หน่อยเขาคงมีเรื่องอะไรจริงๆ” ดีไซน์เอาตัวเข้าไปขวางระหว่างเด็กหนุ่มทั้งสองก่อนจะหันมาเผชิญหน้ากับบรูโน่ “ดีไซน์ไม่รู้หรอกนะว่าเธอเป็นอะไรแต่พวกเราอยู่ข้างเธอตลอดนะบรูโน่ กลับบ้านไปสงบสติอารมณ์ซะแล้วพร้อมเมื่อไหร่เราทั้งคู่ยินดีรับฟังเธอนะ” เด็กสาวตกใจเมื่อเห็นคราบน้ำตาของบรูโน่เพียงแว๊บเดียวก่อนที่เขาจะหันหลังและวิ่งขึ้นแท็กซี่ที่เพิ่งมาจอดส่งผู้โดยสารตรงหน้า “ดีไซน์ว่าเขาต้องมีปัญหาอะไรแน่ๆ” เธอหันกลับไปมองหน้าแฟนหนุ่มที่กำลังยืนมองรถแท็กซี่คันที่เพื่อนสนิทขึ้นโดยสารแล่นไปจนลับตา

“ส่งครูแค่ตรงนี้แหละเดี๋ยวครูจะแวะซื้อของเซเว่นปากซอยเสียหน่อย” สมคิดหันมาพูดกับฟารีดา,หลินและคริสมาสต์ที่นั่งโดยสารมาบนแท็กซี่คันเดียวกัน สมคิดเป็นอาจารย์เพียงคนเดียวที่ไม่ได้อาศัยอยู่ในหอพักซิสเตอร์ของโรงเรียน “มิสค่ะ เดี๋ยวพวกเราให้รถแท็กซี่รอก็ได้ค่ะจะได้เข้าไปส่งถึงในบ้านเลย” หลินพูดด้วยความเป็นห่วง “ไม่เป็นไรหรอกน่าซอยนี้ครูเดินเข้าเดินออกดึกๆประจำไม่มีอะไรหรอก คนกันเองทั้งนั้น” สมคิดหันมายิ้มให้หลินพร้อมรับไหว้นักเรียนก่อนจะเดินลงจากรถไป

“มิสนี่ก็จริงๆเลยนะนี่จะ5ทุ่มอยู่แล้วน่าจะให้พวกเราไปส่งให้ถึงหน้าบ้าน” ฟารีดาสั่นหัวด้วยความไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “อย่าคิดมากน่ามิสเขาอยู่ที่นี่มาจะเป็นยี่สิบปีแล้วคงไม่มีอะไรหรอก!” คริสมาสต์ที่กำลังเคลิ้มๆอยู่ข้างกระจกเบรค “สมัยนี้เธอว่าไว้ใจใครได้งั้นเหรอ?จะอยู่มากี่ปี่ก็ไม่เกี่ยวหรอกถ้าจะมีอะไรเกิดขึ้น!!!” ฟารีดาหันไปพูดเสียงเขียวก่อนจะต้องส่ายหัวด้วยความเหนื่อยหน่ายเมื่อคริสมาสต์ผล็อยหลับสนิทไปแล้วโดยมีหลินกำลังนั่งหัวเราะคิกคักอยู่ตรงกลาง “นิ่งเป็นหลับขยับเป็นแดก!!!” ฟารีดาทำปากขมุบขมิบ “ว่าแต่วันนี้ฉันรู้สึกว่าบรูโน่มีอะไรแปลกๆไปนะ เธอว่ามั้ย?” ฟารีดาหันมาถามหลิน “จริงค่ะ! ตั้งแต่รู้จักมาไม่เคยเห็นบรูโน่ซึมถึงขนาดนั้นเลยนะแล้วบรูโน่ก็ไม่เคยขัดฮาเวิร์ดเข้าขากันดีจะตาย แต่วันนี้เกือบจะชกกันเลยนะ หลินคิดว่ามันต้องมีอะไรลึกๆแน่” เด็กสาวตั้งข้อสงสัย “แต่ก่อนอื่นเรื่องของหลินล่ะว่าไง? วันนี้พวกเราไม่ได้จัดการอะไรกันสักอย่างเลยนะ!” ฟารีดาหันมาถาม “ฮ๊า เรื่องอะไรอ่ะ?!!!” หลินหันมามองเพื่อนด้วยความงุนงง “โถ่ ก็เรื่องหาตัวไอ้โรคจิตที่มาป่วนเธอไง วางแผนกันไว้ซะดิบดีวันนี้ก็ดันมีแต่เรื่องยุ่งๆที่โรงเรียน!” ฟารีดาถอนหายใจ

“ฮัลโหล คิรินทร์เหรอครับ?เป็นยังไงบ้างตอนนี้ทำอะไรอยู่เอ่ย?” แอนดี้โทรหาแฟนหนุ่มทันทีเมื่อเขากลับถึงคอนโด “ตอนนี้นั่งดูอะไรไปเรื่อยเปื่อยครับ เป็นยังไงบ้างน่ะเหรอ เอ่อ ตอนนี้ก็คิดถึงแอนดี้อ่ะ คิดถึงมากด้วย” คิรินทร์ตอบเสียงเศร้าๆระหว่างที่นั่งอยู่ในสวนหย่อมของโรงเรียนคนเดียวท่ามกลางบรรยากาศที่อ้างว้างและเงียบสงัดของเซนต์มาบุส เด็กหนุ่มจ้องลึกลงไปภายใต้ผิวน้ำสีดำและนิ่งสนิทตรงหน้าซึ่งดูเหมือนกับว่าความลึกของมันจะไม่มีทีสิ้นสุด “ก็อุตส่าห์ชวนไปกินหมูกะทะด้วยกันก็ไม่ไปนี่หน่า สัปดาห์นี้พ่ออยู่ที่คอนโดทุกวันเลยกว่าจะได้อยู่ด้วยกันก็จันทร์หน้าโน่น ทำไมที่บ้านเงียบจังครับ?” แอนดี้ทิ้งตัวลงบนเตียงพลางเอาผ้าเช็ดตัวของคิรินทร์มากอดสูดกลิ่นหอมๆของแฟนหนุ่มที่ยังคงหลงเหลืออยู่จางๆ “อ๋อ พ่อแม่คงนอนกันหมดแล้วน่ะครับ บ้านผมเงียบๆแบบนี้ตลอดแหละแต่ก็ดีนะมีพื้นที่ส่วนตัวให้คิดโน่นคิดนี่เยอะดี” คิรินทร์เดินย่ำบนผิวน้ำมาเรื่อยๆก่อนจะเดินขึ้นมาตรงเกาะกลางอันเป็นที่ตั้งเรือนนาฏศิลป์เก่าช้าๆเขาเดินผ่านบรรดานางรำหน้าขาว ชายสวมหัวโขนและกลุ่มคนชุดขาวที่กำลังเล่นดนตรีไทยโดยปราศจากการแยแส “รักผมมั้ย?” แอนดี้หยอดพลางอมยิ้ม “รักสิครับ รักทุกวันด้วย ครับแค่นี้นะครับ ฝันดีครับ” คิรินทร์วางสายจากแอนดี้ก่อนจะเงยหน้ามองภาพของผู้หญิงชุดขาวบนชั้น8ที่จ้องตอบลงมาไม่วางตา “ถึงจะทำพิธีสวดส่งดวงวิญญาณตามหลักศาสนาไปแล้วแต่ท่านผู้อำนวยการก็ยังคงไปไหนไม่ได้อยู่ดีเหมือนผมสินะครับ” คิรินทร์เงยหน้ายิ้มให้กับร่างของบุปผารัตน์ในชุดขาวที่สีหน้ายังคงแสดงถึงความคลุ้มคลั่งพยาบาทอันเป็นบ่วงอันไม่มีที่สิ้นสุดที่เหนี่ยวรั้งดวงวิญญาณของเธอให้ผูกติดอยู่ที่นี่ – - ที่ๆใจของเธอยังคงยึดถือครอบครองอยู่ – - “แต่ยังไงท่านผู้อำนวยก็มีเวลาที่ต้องจากที่นี่ไปอยู่ดีในอีกไม่ช้า แต่ผมล่ะ?!!!” คิรินทร์พูดเสียงเศร้าๆก่อนจะหันไปมองซิสเตอร์สากุลวดีที่ลอบเดินออกมาจากหอพักซิสเตอร์ด้วยแววตาเป็นประกายโดยที่เธอไม่ได้สังเกตุหรือรับรู้ถึงการจับจ้องของดวงตาอีกหลายๆคู่ที่กำลังมองตรงจากความมืดมาทางเธอในขณะนี้เลย

(โปรดติดตามตอนต่อไป)


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
ตอบโดยอ้างข้อความ
ตอบ  


ดูข้อมูลส่วนตัว ส่งข้อความส่วนตัว
แสดงเฉพาะข้อความที่ตอบในระยะเวลา:
ตอบ หน้า 1 จาก 1
คุณไม่สามารถสร้างหัวข้อใหม่
คุณไม่สามารถพิมพ์ตอบ
คุณไม่สามารถแก้ไขข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลบข้อความของคุณ
คุณไม่สามารถลงคะแนน
  


copyright : forwardmag.com - contact : forwardmag@yahoo.com, forwardmag@gmail.com